28 มิ.ย. 13

โอโห ออกสำนักข่าวเจ้าพระยา เลยหรือ
มันเอากูไปเล่นงานกันตอนไหนวะ 

Chaoprayanews สำนักข่าวเจ้าพระยา
โซเชียลถล่ม “จรรยา ยิ้มประเสิรฐ” พวกล้มเจ้าหนีคดีหมิ่นเบื้องสูง สนับสนุนวิพากษเจ้าแต่ไม่สนับสนุนต้านนักการเมืองโกง
http://goo.gl/aqpU2
* * *

เมื่อวานเห็นโพสต์กันเยอะเรื่องพระองค์หนึ่ง
ที่ตัดสินใจเลิกอยู่กับสัจจะธรรม
แต่ตัดสินใจออกมาอยู่กับสัจจะชีวิต

อืม กูก็เห็นมาเยอะแล้ว
ทั้งพระและศาสดาที่ประกาศจะถือพรหมจรรย์
แต่สุดท้ายพรหมจรรย์ก็ฉีกขาดกันในที่สุด
เพราะทนกลิ่นเคมีกามาไม่ได้
ไม่เห็นจะเป็นเรื่องแปลกประหลาดใดเลย

การทนกลิ่นเคมีตัญหายั่วยวนได้ทั้งชีวิตซิ
ถึงจะเรียกได้ว่าเป็นเรื่องแปลกอย่างไม่น่าเชื่อ!

* * * 


คิดถึงการได้นอนอ่านหนังสือภาษาไทยเป็นเล่มๆ ไม่ใช่การนั่งคุดคู้อ่าน PDF จากหน้าจอ
นี่เป็นหนังสือที่น่าสนใจจากแผงของโจมฮะ Joam Abooks Censorship กำลังจะได้จับอ่านมันในไม่ช้า
ขอบคุณอาร์ตที่จะหอบหิ้วมาให้
* * *

Support a workers' brand and buy ethically made products think of 'Try Arm'.

The former Triumph's union members who have been dismissed in 2009 and decided to set up their own factory to produce what they know best 'underwear'. 

With their own logo 'Try Arm', they follow ethical labour rights principle and made high quality underwear with attractive design, for both men and women.

Check them out and support the group of garment workers who are refusing to be slaves of the corporate greed!
Jittra Cotchadet

Jittra Cotchadet
* * * 


งานนิทรรศการนี้น่าดูมากๆ 
ถ้าอยู่เมืองไทยคงไม่พลาด!


27 มิ.ย. 13

จริงๆ ไม่รู้สึกห่วง นายกยิ่งลักษณ์ ดำรงตำแหน่ง รมต. กลาโหมเท่าไรฮะ

แต่ก็ดีใจที่ไทยมี "แม่ทัพ" ตามตัวภาษาจริงๆ ซะที

ปกติเห็นมีแต่ผู้ชายเป็น "แม่ทัพ" งานนี้ ผู้หญิงเป็นซะทีก็น่าจะสมกับชื่อตำแหน่งมันแล้วล่ะ

แต่หวังว่าจะไม่โหดเหมือนกับชายในตำแหน่ง "แม่ทัพ" นะฮะ

26 มิ.ย. 13

ราจะปล่อยให้ "ในนามความมั่นคงของกองทัพและอุตสาหกรรมค้าอาวุธ" กำลังไล่ล่า และจองจำคนที่เปิดเผยข้อมูลความจริงเกี่ยวกับความโหดร้ายของสงครามและความมั่นคงของชาติ กันโดยไม่เริ่มตั้งคำถามกับมันเลยหรือ?

ด้วยความระลึกถึง Julian Assange, Bradley Manning, and Edward Snowden


* * *

สนใจอ่านงานเขียนที่ลงไปศึกษาชาวนาชาวไร่และชุมชนมากฮะ

อาจเพราะเป็นความสนใจในเรื่องนี้ของตัวเองมานาน (รวมทั้งการเติบโตมาทั้งในฐานะลูกชาวนาชาวไร่ ที่ใช้ชีวิต 20 ปีแรกไปกับการอยู่กับนากับไร่ไม่น้อยเลย)

ในสภาวะที่ไม่ได้เป็นคนลงพื้นที่ศึกษาด้านนี้มานาน พอเห็นงานศึกษาและงานเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็จะตาโตและจะอ่าน และแชร์ทุกครั้งที่เห็นฮะ

ได้เห็นการมองมันด้วยสายตาใหม่ ที่ไม่ romanticise ความพอเพียงกันจนลืมดูความเป็นจริงที่เปลี่ยนแปลง

25 มิ.ย. 13

บอกก่อนล่วงหน้าเลยฮะว่า

ความดีความชอบของหนังสือ "เปลื้องผ้าและไม่ไทยเลย" ขอยกให้กับมวลมิตรเหล่านี้ทุกคน ที่ถูกจรรยารบกวนและขอความช่วยเหลือในช่วงกว่า 7 เดือนที่ผ่านมา - ทั้งให้คำแนะนำเรื่องโปรแกรม เรื่องคอมพิวเตอร์ ทั้งช่วยตรวจปรู๊ฟ และให้ข้อเสนอแนะและคำแนะนำที่ทรงคุณค่า จนหนังสือฉบับไฟนอล ออกมาหน้าตาต่างจากต้นฉบับแรกราวกับ "ฟ้ากับเหว" เลยจริงๆ ฮะ

และขอบคุณริกุสำหรับภาพประกอบ 18 ภาพ ที่เพิ่มสีสันให้กับหนังสืออีกเท่าตัว

ขอบคุณด้วยหัวใจฮะ "ดอม เปี้ยก เจี๊ยบ ทับทิม เตย ติ๊ก ปอ ฝ้าย แผน โรส จุ๋ม เมี่ยง ทิพย์ จอง พล ยุ้ย อาร์ต เฟย์ เดียร์ ประเวศ มาร์ เก้อ เล็ก เกด หนิง หนึ่ง นนท์ เรดด์ เจน อุเทน และ ริกุ"

ถ้าไม่มีทุกท่านที่เอ่ยนามมานี้ หนังสือเล่มนี้ไม่มีทางเขียนเสร็จออกมามีหน้าตาเช่นที่ทุกท่านจะได้เห็นในอีกไม่ช้าอย่างแน่นอน

ส่วนคำด่าทั้งหลาย ทั้งต่อหน้าและลับหลังที่จะตามมา จรรยา ขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวนะฮะ
* * * 

"หน้ากับหี"หรือ "หน้ากับควย" มันก็เท่ากันนั่นล่ะ ในความเป็นชิ้นส่วนที่สำคัญยิ่งของร่างกายมนุษย์

ไม่มีอะไรศักดิ์สิทธิ์กว่ากันหรอก ไม่ว่าจะ "หน้าหรือหี" หรือ "หน้าหรือควย"

บทรำพึงหลังจากการตัดสินใจลุกไปล้างหน้าล้างหี หลังจากอยู่ในชุดนอนมาราทอนเพราะการอีดีตหนังสือ "เปลื้องผ้าและไม่ไทยเลย" รอบสุดท้ายสิ้นสุดลง

24 มิ.ย. 13

คำประกาศ ที่ต้องอ่านทุกวันที่ 24 มิถุนายน

ราษฎรทั้งหลายจงพร้อมใจกันช่วยคณะราษฎรให้ทำกิจอันจะคงอยู่ชั่วดินฟ้านี้ ให้สำเร็จ คณะราษฎรขอให้ทุกคนที่มิได้ร่วมมือเข้ายึดอำนาจจากรัฐบาลกษัตริย์เหนือ กฎหมายพึงตั้งตนอยู่ในความสงบและตั้งหน้าทำมาหากิน อย่าทำการใดๆ อันเป็นการขัดขวางต่อคณะราษฎร การที่ราษฎรช่วยคณะราษฎรนี้ เท่ากับราษฎรช่วยประเทศและช่วยตัวราษฎร บุตร หลาน เหลน ของตนเอง ประเทศจะมีความเป็นเอกราชอย่างพร้อมบริบูรณ์ ราษฎรจะได้รับความปลอดภัย ทุกคนจะต้องมีงานทำไม่ต้องอดตาย ทุกคนจะมีสิทธิเสมอกัน และมีเสรีภาพพ้นจากการเป็นไพร่ เป็นข้า เป็นทาสพวกเจ้า หมดสมัยที่เจ้าจะทำนาบนหลังราษฎร สิ่งที่ทุกคนพึงปรารถนาคือ ความสุขความเจริญอย่างประเสริฐซึ่งเรียกเป็นศัพท์ว่า “ศรีอาริยะ” นั้น ก็จะพึงบังเกิดขึ้นแก่ราษฎรถ้วนหน้า

คณะราษฎร

๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕


Announcement of the People’s Party

All the people should be ready to help the People’s Party successfully to carry out its work which will be for eternity. The People’s Party asks everyone who did not participate in seizing power from the government of the king above the law to remain peaceful and keep working for their living. Do not do anything to obstruct the People’s Party. By doing thus, the people will help the country, the people, and their own children, grandchildren, and great-grandchildren. The country will have complete independence. People will have safety. Everyone must have employment and need not starve. Everyone will have equal rights and freedom from being serfs (phrai) servants (kha) and slaves of royalty. The time has ended when those of royal blood can plant rice on the backs of the people. The things which everyone desires, the greatest happiness and progress which can be called si-ariya, will arise for everyone.

People’s Party
24 June 1932

Read Announcement of the People’s Party

* * *

ดีใจจังที่เห็นการรำลึกวันชาติไทย 24 มิถุนายน 2556 กันคึกคักมากกว่าทุกปี

ขอร่วมรำลึก 81 ปีแห่งการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาสู่ระบอบประชาธิปไตย

ประชาธิปไตยจงเจริญ


* * *
วันนี้แจก 'like' กระจาย กดไลค์ให้ทุกคนที่พูดเรื่อง 24 มิถุนายน วันชาติไทย
เยอะฮะ เยอะจริงๆ เกือบทุกคนเลยก็ว่าได้ที่เห็นตอนนี้!!!

* * *
ถ้าผู้กุมนโยบายของประเทศไทย ยอมรับการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 24 มิถุนายน 2475 อย่างแท้จริง

วันนี้คงจะเป็นวันหยุดราชการ และเป็นวันเถลิงถลองที่ยิ่งใหญ่และสำคัญที่สุดในประเทศไทย

* * *

เจ้าหนุนกบฎและรัฐประหารมาตั้งแต่เริ่มกระบวนการประชาธิปไตยในประเทศไทยเมื่อปี 2475 นั่นแล้ว


มาเรียนรู้ส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ 24 มิถุนา กัน...
"รัชกาลที่ ๗: ในและนอกตำราเรียน"
ในตำราเรียน: นักประชาธิปไตย

"ข้าพเจ้ามีความเต็มใจที่สละอำนาจอันเป็นของข้าพเจ้าอยู่แต่เดิมให้แก่ราษฎรโดยทั่วไป แต่ข้าพเจ้าไม่ยินยอมยกอำนาจทั้งหลายของข้าพเจ้าให้แก่ผู้ใด คณะใด โดยฉะเพาะ เพื่อใช้อำนาจนั้นโดยสิทธิขาด และโดยไม่ฟังเสียงอันแท้จริงของประชาราษฎร"

- พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
๒ มีนาคม ๒๔๗๗ [1]
----------------------
นอกตำราเรียน: สนับสนุนกบฏ

"นอกจากนี้ปรากฎหลักฐานทางทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์ว่า พระปกเกล้าฯได้จ่ายเงิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท ให้แก่องค์เจ้าบวรเดชไป ซึ่งเข้าใจว่าเป็นค่าใช้จ่ายในการกบฏคราวนั้น"

- คำพิพากษาศาลพิเศษ พ.ศ. ๒๔๘๒ เรื่องกบฏ [2]

อ้างอิง

[1] https://th.wikipedia.org/wiki/พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว

[2] https://www.facebook.com/photo.php?fbid=319581311460912&set=a.101154469970265.2055.100002271364703&type=1&theater

ได้ความคิดจาก: https://www.facebook.com/photo.php?fbid=265697900238831&set=a.220093644799257.1073741826.220082314800390&type=1&theater 
* * *

ฮึ่มเอาผิดหมิ่นทางเน็ต เจอคุก5ปี โพสต์ด่า-ตัดต่อ-บิดเบือน ตร.จับได้เอง-ไม่ต้องแจ้ง

ผบก.ปอท.เตือนนักท่องเที่ยวสังคมออนไลน์ โพสต์ข้อความต่อว่า-เสียดสีระวังเจอคดีหมิ่นประมาท โทษถึงคุกไม่เกิน 5 ปี ชี้ตำรวจจับตาดูอยู่ ไม่ต้องรอให้แจ้งความก่อน จับได้ทันที
เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พล.ต.ต.พิสิษฐ์ เปาอินทร์ ผู้บังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบก.ปอท.) กล่าวถึงการกระทำความผิดทางโลกโซเชียลมีเดียที่มีมากขึ้น ว่า ปัจจุบันพบว่าเรื่องที่ถูกร้องเรียนมากที่สุด เป็นคดีที่มีเนื้อหาความผิดเกี่ยวข้องกับการหมิ่นประมาทต่อบุคคลทางโลกโซเชียลมีเดีย ในลักษณะการโพสต์ข้อความต่อว่ากันไปมาระหว่างบุคคลหรือกลุ่มบุคคล ด้วยคำพูดหยาบคาย รุนเเรงเเละหมิ่นประมาท ทำให้เกิดความเสียหาย ซึ่งการกระทำลักษณะนี้จะเข้าข่ายการกระทำความผิดทางอาญาฐานหมิ่นประมาทและมีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปีเเละปรับไม่เกิน 1 เเสนบาท อีกด้วย
ที่มา มติชน 24 มิถุนายน 2556

นี่ก็โหดจริงๆ ทำยังกับนักโพสต์ไซเบอร์ค้ายาบ้าแน่ะ

คดีหมิ่นประมาททั่วไปยังต้องมีขั้นตอนการสอบสวน เรียกตัวมาสอบ ขึ้นศาล ตัดสิน
แต่ พรบ.คอมพิวเตอร์นี่มันไม่ต้องทำตามขั้นตอนพิจารณาคดีตามปกติ ไม่ต้องมีการแจ้งความ จับเข้าคุกได้ทันทีด้วย

กูอยากเดินหน้าประเทศไทย
แต่ผู้มีอำนาจ ผู้คุมกฎหมาย ก็จะพาแต่เดินถอยหลังกันอยู่ทุกโอกาสจริงๆ แฮะ

"ผบก.ปอท.เตือนนักท่องเที่ยวสังคมออนไลน์ โพสต์ข้อความต่อว่า-เสียดสีระวังเจอคดีหมิ่นประมาท โทษถึงคุกไม่เกิน 5 ปี ชี้ตำรวจจับตาดูอยู่ ไม่ต้องรอให้แจ้งความก่อน จับได้ทันที"

22 มิ.ย. 13

มีหลังไมค์มาถามคนไกลว่า 24 มิถนายน มีกิจกรรมอะไรบ้าง
ใครมีกิจกรรมวันที่ 24 มิถุนายนก็ tag มาบอกเล่ากันได้นะ
จะช่วยประชาสัมพันธ์ต่อ

Thai Innomemes

เอกสารประกอบการแถลงเปิดตัว
คณะกรรมการ 14 ตุลาเพื่อประชาธิปไตยสมบูรณ์
23 มิถุนายน 2556
ณ หมุดคณะราษฎร กรุงเทพมหานค
ศูนย์ข้อมูลผู้ได้รับผลกระทบเหตุสลายชุมนุมเม.ย.-พ.ค.53 (ศปช.)
 งานอภิปราย “108 เหตุผล ทำไมต้องนิรโทษกรรมนักโทษการเมือง”

โอโห งานนี้ใครไม่ไปเสียดายแย่(กูเสียดายจะแย่อยู่แล้ว)

แต่ดีใจฮะ
แม้จรรยาไปไม่ได้
แต่ปกหนังสือแรงงานอุ้มชาติอยู่ในโปสเตอร์ด้วย
ส่งพลังใจพลังหญิงไปช่วยผู้พูดหญิงทุกคนในเวทีนี้ฮะ!!!
* * *

ป้ายนี้ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ
ไปปักไว้ตรงไหน ตำรวจก็ไม่กล้ายุ่ง
จะปั่นตัวเลขจาก 300 เป็น 30,000 คน ก็ไม่มีใครทักท้วง

ทำไมไอ้ป้ายแบบนี้ ถึงมีติดอยู่แต่ กทม

ทำไม ไม่ไปติด 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้บ้าง


ใบปิดภาพยนตร์ไทย เรื่อง บ้านทรายทอง ของก.สุรางค์นางค์ ศิลปินแห่งชาติ นำแสดงโดย ชนะ ศรีอุบล เรวิดี ศิริวิไล ลือชัย นฤนาท และสมพงษ์ พงษ์มิตร ออกฉายเมื่อปี พ.ศ.2499
 — 

@Charnvit Ks shared Kitsarit Duangpetch's photo.

บ้านทรายทอง ก็เหมือน ปราสาทเขาพระวิหาร นั่นแหละ ครับ
หม่อมแม่ กับ หญิงเล็ก ทางสาย สว่างวงศ์ ณ อยุธยา
เข้าไปครอบครอง เสียนาน
เลยนึกว่า เป็น ของ ตน
หารู้ไม่ว่า เจ้าคุณปู่ เจ้าคุณตา สมัยเสด็จพ่อ ร ๕
ได้ตกลง ยกให้ ทาง พินิตนันท์ (ของพจมาน) ไปแล้ว

ขึ้น ศาล แย่งมรดก ก็เลยแพ้ทุกที ครับ
(ต้องปลง และ ทำใจ ครับ
กองเขียร์ กีฬาสี ฝ่ายหม่อมแม่ และ หญิงเล็ก ต้องทำใจๆๆ ครับ
ฝ่ายกองเชียร์ พจมาน ชนะแล้ว ก็หาทาง ปรองดอง กันเถิด
เพื่อชาติ และ ราษฎร ของทั้งสองฝ่าย)
* * *


อืม เมื่อพวกสลิ่มเล่นมุข ข้าวเป็นสารก่อมะเร็ง

อืม ...อืม ...ในแง่หนึ่งก็จริงนะ สำหรับบางคนที่วิถีชีวิตไม่ปกติ ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้เป็นสารก่อมะเร็งได้ทั้งนั้นล่ะฮะ

ไม่มียกเว้นแม้แต่พฤติกรรม "คลั่งรักในหลวง"
ที่ก่อให้เกิดมะเร็งสมองได้อย่างน่าสยดสยองเช่นกันฮะ

ว่างๆ ก็ฝากพวกสลิ่มคลั่งเจ้าไปตรวจหามะเร็งสมองกันหน่อยนะฮะ!
* * *


 Today, I am listening to Elis Regina.

วันนี้ฟังเพลงของ Elis Regina นักร้องสาวเสียงสวรรค์ชาวบราซิลในยุคซิกตี้ ที่เสียชีวิตในช่วงที่กำลังรุ่งโรจน์เมื่อปี 2525 ในวัยเพียง 36 ให้กับโคเคน แอลกอฮอล์และการใช้ยานอนหลับ

ความตายของเธอทำให้คนทั่วบราซิลหลั่งน้ำตา

เธอเสียงเพราะและท่วงทำเพลงมีเสน่ห์จับใจจริงๆ
* * *

คิดถึงความรัก
คิดถึงมนุษย์ผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่ในใจเสมอ!

21 มิ.ย. 13


(1)

เรื่องประจำเดือนนี่เป็นเรื่องใหญ่เกือบทั้งชีวิตของหญิงเลย
ไม่มาก็จะต้องกังวลว่ากูจะท้องหรือเปล่าวะ
ก่อนมาสองสามวัน มันก็ก็ทำให้กูต้องอยู่กับอารมณ์หดหู่สิ้นหวัง แม่ง! ชีวิตกูช่างไร้ค่า
พอมันหลุดไหลออกมาเท่านั้นล่ะ เฮ้อ! ปัญหาต่างๆ เรื่องเล็ก เดินหน้าลุยต่อ
แล้วกูก็มานั่งบ่นต่อกับสภาวะความรู้สึกมวนไส้มวนท้องกันต่ออีกสองสามวันในช่วงประจำเดือนไหล

อืม! นะ ประจำเดือนส่งผลต่อใจจิตหญิงอย่างน้อยเกือบหนึ่งอาทิตย์ทุกๆ เดือน

บางคนเป็นมากหน่อย อาจจะต้องจัดการกับอารมณ์และผลพวงของการมีประจำเดือนกันถึงครึ่งเดือนในแต่ละครั้งที่มีประจำเดือนเลยทีเดียว
---
ในประเทศเพื่อนบ้านเราในเอเชียเท่าที่เห็น มีญี่ปุ่น เกาหลี ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ที่มีกฎหมายระบุให้คนงานหญิงลาหยุดประจำเดือนได้เดือนละวันหรือสองวัน แจาเมืองไทย ยังไม่ให้บรรจุเรื่องนี้เป็นกฎหมายระดับชาติ และให้ถือการลาปวดประจำเดือน เป็นการลาป่วยทั่วไป
* * *

(2)

* * *
(3)

A sea of people protesting right now in #RiodeJaneiro#Brazil! Police estimate crowd to be 300,000 (source: http://bit.ly/15ogzp1), but it's probably twice as much!

การประท้วงการใช้เงินที่ไม่สมเหตุสมผลที่บราซิล โดยละเลยเรื่องสวัสดิการและการบริการประชาชนขยายวงกว้างมากขึ้นและกระจายไปทั่วประเทศ

นี่เป็นภาพจากกรุงริโอ เดอ จาเนโร ไม่กี่นาทีที่ผ่านมา คลื่นพลังคนหลายแสนคนเนื่องแน่นเต็มท้องถนน!!!

คนบราซิลคงอัดอั้นกันมานาน ได้เวลาประท้วงใหญ่กันสักครั้ง

สู้ สู้

* * *
(4)

 

ทำวีดีโอเรื่องนี้ไว้นานแล้ว ตั้งแต่เริ่มตัดต่อหนังใหม่ๆ ยังมีปัญหาเรื่องเทคนิคเยอะ แต่อยากเชิญดูฮะ สำหรับคนที่สนใจเรื่องแรงงานและสภาพชีวิตคนงานในประเทศอื่น

เรื่องนี้ฉายให้เห็นภาพชีวิตคนงานลาตินอเมริกาได้เลยฮะ

ดูภาคภาษาอังกฤษ http://vimeo.com/12496883

------------

สารคดีสั้นๆ จากเทปที่ถ่ายทำเพียง 24 ชั่วโมงแห่งการเดินทางไปเยียมชุมชนคนงานภา­พเกษตรที่เมือง Ica เมืองผลิตอาหารส่งออก

ความเหลื่อมล้ำในสังคมระหว่าง "คนมีกินจนเหลือเฟือ" กับ "คนไม่มีจะกิน" ที่ลาตินอเมริกานั้นสุดโต่งเกือบทุกประเทศ โดยเฉพาะที่เห็นและสัมผัสได้ด้วยตัวเองใน 4 ประเทศ ได้แก่ เม็กซิโก ปานามา บราซิล และเปรู

ซึ่ง 24 ชั่วโมงที่เปรู นี้สะท้อนภาพเหล่านี้ออกมาให้เห็นได้ระดับ­หนึ่งทีเดียว ในสภาวะเงื่อนไขทางเทคนิคการตัดต่อ และจากการถ่ายทำโดยมือสมัครเล่น

* * *
(5)

ปัญหาเมื่อปี พ.ศ. 2554 คนงานไทยเดินทางไปทำงาน ที่ประเทศลิเบีย ร้องทุกข์แต่ละ
จังหวัด ต่อสำนักงานจัดหางานจังหวัดแต่ไม่มีความคืบหน้ากลุ่มคนงานจึงเข้ากระทรวงแรงงานเพื่อให้ กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงานเร่งแก้ไขปัญหาด่วย
พี่น้องเดินทางมาจากภาคอิสา

เรื่องปัญหาคนงานไทยที่ไปลิเบียเนี่ยเป็นปัญหาที่หินมาก
ทั้งๆ ที่มีคนงานได้รับผลกระทบเยอะมาก เป็นพันคน และเป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์เกือบตลอด

แต่ท่าทีของกระทรวงแรงงานในการแก้ปัญหาเรื่องนี้กลับเฉี่อยแฉะ และไม่แยแสเลย

อยากให้มีคนขุดให้ลึกถึงสายสัมพันธ์บริษัทจัดหางานส่งคนงานไปลิเบียกับนักการเมืองและข้าราชการระดับสูงที่กระทรวงจริงๆ

รู้สึกว่าเรื่องปัญหาคนงานลิเบียนี่ถ้าขุดจริงๆ เจอตอขบวนการค้าแรงงานข้ามชาติ และพวกกินค่าหัวคิวแรงงานไทยไปต่างประเทศตัวเบ้งแน่ๆ!!!
* * *

(5)

เรื่องกรณีฟ้องร้องเจ้าหน้าที่ทูตไทยที่อียิปต์ในข้อหาทำร้ายร่างกาย

สิ่งที่น่าอายต่อภาพลักษณ์ของประเทศซ้ำสอง คือ การพยายามทำตัวตามเคยชินของวิถีการเมืองผู้ใหญ่อุปภัมภ์แบบไทยๆ ของทูตไทยที่อียิปต์ ที่ตามข้อเขียนของผู้เสียหาย เหมือนกับพยายามเกลื่ยกล่อมผู้เสียหาย ไม่ให้เอาเรื่องเอาราวไปบอกสื่อ เพราะกลัวภาพลักษณ์ของไทยเสียหาย
--------------
"เขาพยายามที่จะสร้างข้อตกลงโดยการขอร้องให้ดิฉันหยุดการให้ข่าวต่างๆ กับทางสื่อมวลชนและหยุดกระบวนการต่างๆ กับพวกนั้น และจะตอบแทนให้ด้วยการให้ตัวเลขานุการเอก เดินทางออกไปจากประเทศในคืนวันนี้และจะทำการสืบสวนเรื่องราวเมื่อเธอเดินทางกลับไปสู่ประเทศไทยแล้ว..."

"ดิฉันตื่นขึ้นมาในตอนเช้า พร้อมกับข่าวชิ้นหนึ่งที่ลงในหน้าเวปไซค์ที่เรียกว่า “nationmultimedia” (หรือเวปของหนังสือพิมพ์เนชั่น) โดยกล่าวว่า คุณคคนางค์ อัมระนันทน์ ได้เดินทางออกจากประเทศอียิปต์แล้วเนื่องจากว่า เธอได้รับการ “ข่มขู่คุกคาม” ดังนั้น เธอจะต้องรีบเดินทางกลับสู่ประเทศไทยเพื่อความปลอดภัยของเธอ"

" ดิฉันขอคาดเดาว่า เรื่องการพูดแบบเคลือบน้ำตาลให้ฟังในเรื่องการเดินทางออกไปนอกประเทศของเธอนั้น มันใช้ไม่ได้อย่างแน่นอนค่ะ"

อ่านรายละเอียด http://thaienews.blogspot.fi/2013/06/blog-post_21.html
----------------
จากกรณีนี้ ท่าทีของการทูตไทยที่ไม่เคารพกฎหมายของประเทศที่ไปตั้งสำนักงานและมีท่าทีปกป้องเจ้าหน้าที่ที่มีคดีฟ้องร้องแบบนี้ ยิ่งจะสร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศมากขึ้นไปอีก

ข่าวเรื่องเจ้าหน้าที่สถานทูตไทยที่ส่วนใหญ่เป็นลูกท่านหลานเธอ ตระกูลผู้ดีเก่าตกทอดมาตั้งแต่ปลายอยุธยาหรือต้นรัตนโกสินทร์ มีท่าทีที่เหยียดหยามคนงานไทยเวลาไปขอความช่วยเหลือมีให้ได้ยินได้เห็นกันทุกประเทศ (ประสบพบเห็นด้วยตัวเองก็หลายครั้ง)

แต่เมื่อมันถึงขั้นไปอวดเบ่งและทำร้ายคนเจ้าถิ่นที่ไม่ใช่คนงานผิดกฎหมาย แต่เป็นทนายความหญิงเช่นนี้ด้วยแล้ว

เรื่องนี้สมควรที่กระทรวงต่างประเทศจะต้องพิจารณาอบรมลูกท่านหลานเธอ พวกเส้นใหญ่ทั้งหลายกันบ้างแล้ว และควรจะมีเจ้าหน้าที่จากส่วนกลาง ที่ซื่อตรงเข้าไปจัดการสอบสวนกรณีนี้อย่างตรงไปตรงมา และเคารพกฎหมายของประเทศเจ้าบ้านด้วย

เมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว (13 มิถุนายน) ภรรยาของผมได้ถูกทำร้ายอย่างเหี้ยมโหดโดยนักการทูตที่มึนเมาเหมือนคนบ้าคลั่ง ในขณะที่อยู่ในงานราตรีที่โรงแรมเคมพิงสกี้ ใน กรุงไคโร (ประเทศอียิปต์)
ฟังข้อความอีกด้านหนึ่งจากคู่กรณีจากอียิปต์แล้วเห็นหน้านักการทูตไทยคนนี้เป็น "คนสลิ่มมาก" คลั่งเจ้า ไปได้อย่างไรไม่รู้นะ ... ขอโทษฮะ ถ้าความเห็นจะอคติกับสลิ่มคลั่งเจ้าไทยไปหน่อย!

20 มิ.ย. 13

(1)

เมื่อคราวไปกรุงวอร์ซอว์ โปแลนด์ ครั้งแรกเมื่อสักปี 2546 กูจำได้ว่าสัมผัสกับแน่นอกและรู้สึกอึดอัดหายใจไม่สะดวกเลย สัมผัสกับพลังแห่งความเจ็บปวดรอบตัว นอนหลับไม่สบายเลยตลอด 2-3 วันที่ประชุมที่วอร์ซอร์ เดินไปทางไหนก็เห็นร่องรอย และอนุสาวรีย์ของการสูญเสียและการเจ็บปวดจากถูกเข่นฆ่าสังหารและทำลายล้าง

ประชากรชาวยิวที่โปแลนด์ 6 ล้านคนถูกนาซีสังหาร (ครึ่งหนึ่งของประชากรโปแลนด์) และบ้านเมืองถูกถล่มราบเป็นหน้ากอง

พอสงครามยุติโปแลนด์ก็ตกอยู่ในการยึดครองของสตาลิน ที่ต้องการให้โปแลนด์เป็นฐานทางทิศตะวันตก สตาลินก็บังคับใช้แรงงานสร้างเมืองและปฏิมากรรมสูงใหญ่ ที่สร้างอยู่บนคราบเลือดและน้ำตา

โดนซ้ำโดนซ้อน จนคนโปแลนด์จำนวนมากลี้ภัยไปทั่วโลก

คนโปแลนด์ที่คุยกันถามว่า คุณรู้ไหมว่ามหานครของโปแลนด์อยู่ที่ไหน เราก็บอกว่าวอร์ซอร์ไง เขาบอกไม่ใช่ อยู่ชิคาโก ... คนโปแลนด์ไปตั้งรกรากอยู่ที่นั่นหลายล้านคน

เมื่อวานคุยกับน้องสาวที่รักที่ไปเที่ยวที่โปร์แลนด์ ณ ขณะนี้ เช่นเดียวกับที่กูสัมผัส เธอและแฟนบอกว่ารู้สึก เหมือนกับสัมผัสกับพลังความเจ็บปวดมากมายรอบตัว ไม่สามารถสนุกกับการท่องเที่ยวได้

ปัจจบุันโปแลนด์ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ การฟื้นเมืองก็ยังทำต่อไปแม้กำแพงเบอร์ลินจะทลายไปตั้งแต่ปี 2532 แล้วก็ตาม

ขณะนี้โปแลนด์ พัฒนาอุตเป็นแหล่งสาหกรรมเกษตรป้อนยุโรป มีนายทุนฮอลแลนด์และเยอรมันเข้าไปลงทุนด้านฟาร์มเกษตรเยอะ และก็มีการพาแรงงานไทยไปปล่อยทำงานที่เมืองต่างๆ ตามชายแดนโปแลนด์และเยอรมันจนมีเรื่องให้ร้องเรียนและแจ้งจับนายหน้ากันที่เมืองไทย

การได้ไปเยือนเมืองต่างๆ ที่เจ็บปวดจากสภาวะสงคราม ไม่ว่าจะที่ยุโรป กัมพูชา เวียดนาม หรือปาเลสไตน์ ทำให้ไม่สามารถที่จะปล่อยเฉยไม่ทักท้วงเวลาเห็นคนไทยไม่อ่อนไหวกับสัญลักษณ์นาซี สัญลักษณ์ดาวแดง และไม่ใยดีกับความตายที่ถูกพรากด้วยกองกำลังทหารได้จริงๆ นั่นล่ะ

* * *
(2)




This version of Bella ciao is very touching and powerful one.
Been listening to this version for several days now!

นี่เป็นเพลงเพื่อชีวิตสากลที่ popular มาก เป็นเพลงอิตาเลียนพูดถึงขบวนการประชาชนต้านนาซีที่อิตาลีในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง โดยเฉพาะที่ซิซิลี และถูกทหารนาซีสังหารอย่างเหี้ยมโหด ทั้งมีการบังคับคนเข้าไปในโบสถ์แล้วโยนะรเบิดเข้าไปยังโบสถ์สังหารทุกคน

โดยบอกทหารเยอรมันหนึ่งกองร้อยสังหารชาวบ้านไป 100 คน

มันเป็นเพลงปฏิวัติที่เศร้าและสะเทือนอารมณ์มากๆ เพลงนี้เป็นเพลงที่เราจะเห็นร้องกันในทุกการประท้วงที่ยุโรปในปัจจุบันฮะ


* * *
(3)

Guantanamera is one of my favorite song of all time.
I like this version that sing by Pete Seeger as well.

เพลงเพื่อชีวิตสากลที่ชอบมากที่สุดเพลงหนึ่ง
มอบให้ทุกคนฮะ

* * * 

(4)
อู่วู๊ 

ค้นและตีแผ่ความดัดจริตด้านจริยธรรมแบบไทยๆ ปัจจุบันกันต่อไป

ที่มา  Voices of Siam

"ขายเซ็กส์" ทำลายเพลงลูกทุ่งจริงเหรอ? #ตอแหลแลนด์

จากกระแสด่าทอใบเตย อาร์สยามเจ้าของฉายา “สั้นเสมอหู” ว่าทำลาย "ศิลปวัฒนธรรมดั้งเดิม" ของเพลงลูกทุ่ง [1] มันได้สะท้อนความ "ตอแหล" อีกครั้งของสังคมไทย ที่พยายามปฎิเสธความจริงที่ว่าเพลงลูกทุ่งได้หากินกับเรื่อง "เซ็กส์" มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ไม่ว่าจะเป็นระดับสองแง่สองงามแบบเพลง “หมากัด” ของเอกชัย ศรีวิชัย หรือระดับโจ่งครึ่มแบบ หน้าปกแผ่นเสียงในอดีต เช่น สาวอยู่บ้านใด๋ โดย ปอง ปรีดา [2]

นอกจากนั้น Admin ออกจะแปลกใจนิดหน่อยว่าการขาย "เซ็กส์" ดังกล่าวเป็นการทำลายเพลงลูกทุ่งจริงหรือ? เมื่อย้อนกลับไปตรวจสอบดูหากการขายเซ็กส์ทำลายเพลงลูกทุ่งจริง ป่านนี้วงการเพลงลูกทุ่งคงต้องพินาศย่อยยับสาบสูญไปจนสิ้นแล้ว เพราะวงการเพลงลูกทุ่งก็เหมือนวงการบันเทิงชนิดอื่นๆ ที่มีเซ็กส์ปะปนมาอยู่ด้วยเสมอ ดูจากตัวอย่างที่กล่าวมาแล้ว

ความจริงระคายหูมันอาจมีอยู่ว่าวงการบันเทิงที่เป็นอุตสาหกรรมชนิดหนึ่งมานานแล้ว ไม่ได้อยู่รอดด้วย “ศีลธรรมจริยธรรม” หากแต่อยู่รอดด้วยการมี “ผู้ซื้อ” สินค้าและบริการความบันเทิงนั่นเอง เพลงลูกทุ่งไม่ใช่เป็นเพียง “การละเล่นพื้นบ้าน” อย่างที่ใครอยากให้เป็น แต่มันเป็นอุตสาหกรรมบันเทิงมาตั้งนานแล้ว

บางทีที่ใบเตย “สั้นเสมอหู” นี่เอง อาจเป็นการ “รักษาอุตสาหกรรมบันเทิง” ของเพลงลูกทุ่ง ให้ยังมีคนฟัง คนไปดูคอนเสิร์ตของเธอต่อไปก็ได้ และ แอดมินเชื่อว่า เมื่อใครๆ “ห่วงใยถึงความอยู่รอดของลูกทุ่ง” ไม่มีใครทราบเรื่องนี้ดีเท่ากับนักธุรกิจในวงการเขาหรอกครับว่า “ทำอย่างไรถึงจะอยู่รอด”

ครับ เมื่อแยก “ความอยู่รอด” ออกจาก “ศีลธรรมอันดีงาม” แยก “อุตสาหกรรมเพลงลูกทุ่ง” ออกจาก “ศิลปะการละเล่นพื้นบ้าน” (ซึ่งก็ไม่แน่อีกว่าไอ้การละเล่นพื้นบ้านนั้นจะ “เรียบร้อยดีงาม” อย่างที่ใครๆ เชื่อหรือไม่) เราอาจจะเห็นประเด็น “สั้นเสมอหู” อย่างสมเหตุสมผลและอยู่กับความเป็นจริงมากยิ่งขึ้น

อ้างอิง

[1] http://fb.kapook.com/musicstation-64829.html

[2] http://th.wikipedia.org/wiki/ปอง_ปรีดา

เครดิตภาพประกอบ Tone Tipayanon

19 มิ.ย. 13 "ขอเขียนถึงพี่ๆ น้องๆ ที่ยังทำนา"


เห็นใครๆ ก็พูดถึงชาวนา 
ลูกชาวนาที่ทิ้งวิถีชีวิตชาวนามาไกลโข
ขอเขียนถึงพี่ๆ น้องๆ ที่ยังทำนา


มานั่งนึกถึงครอบครัวพี่ชาย พี่สาว และน้องชายที่รัก ที่ยังคงทำนาทำไร่ที่บ้านเกิด
พวกพี่น้องเหล่านี้เป็นคนขยันและเป็นคนอดทนอย่างที่สุด

พวกเขาเป็นพลเมืองที่อ่อนน้อมถ่อมตน ขยันทำงานกันไม่เคยหยุดพักทั้งปีทั้งชาติ
ทั้งงานบ้าน งานนา งานนอกนา และงานชุมชน - ไม่ว่าจะงานบวช งานแต่ง งานศพ หรืองานวัด
ยกเว้นเมื่อยามหนุ่มสาว พี่น้องหลายคนเข้ามหานครเป็นคนขับรถตุ๊กๆ และสาวเย็บผ้าเพื่อหารายได้เสริมส่งไปให้ครอบครัว
พวกพี่ๆ น้องๆ ใช้ชีวิตอยู่ที่ถิ่นเกิดโดยไม่ไปไหนไกล นอกจากการตระเวณไปไหว้พระ 9 วัด 10 วัดแล้ว
การเดินทางไปเยี่ยมญาติในเทศกาลงานต่างๆ เป็นกิจกรรมผักผ่อนหลักๆ ของครอบครัวชาวนาที่บ้านเกิด

ยามนี้
พี่น้องหลายคนเริ่มแก่เฒ่า พร้อมโรคภัยไข้เจ็บมาเยือน ทั้งเบาหวาน ปวดข้อเข่า ไม่มีเรี่ยวแรง แพ้สารเคมีที่ใช้ฆ่าหญ้าและฆ่าแมลง และสารพัดโรคที่ต้องวิ่งเข้าหาหมอ และตอ้งกินยาวันละกำมือกันทั้งชีวิต

ยังจำได้เมื่อกลับบ้าน จะได้ยินเรื่องราวเกือบทุกครั้ง
เรื่องราวของพี่ชายน้องชาย และพี่สาว และเกษตรกรของชาติที่หมู่บ้าน ต้องถูกห้ามส่งโรงหมอให้ช่วยเร่งรักษาเพราะแพ้สารเคมีเกษตรหรือไข้ขึ้นสูง ... พวกเขาต่างบอกหมอให้ใช้ยาแรงฉีดเข้าเส้นเพื่อจะได้ไข้ลดทันที เพื่อให้มีแรงทำงานต่อทันที

ทั้งชีวิตกูและพวกพี่น้อง ไม่เคยได้ยินคำว่ารัฐอุดหนุนอะไร
ได้ยินแต่ว่ารัฐส่งเสริมให้ปลูกอะไร ปลูกพันธุ์อะไร พร้อมกับแนะนำตัวแทนขายยาฆ่าหญ้าฆ่าแมลงและอุปกรณ์การเกษตรที่ต้องใช้ควบคู่กันไปพร้อมสรรพ ให้เกษตรกรต้องได้กู้เงิน ธกส. มาเป็นทุน
สำหรับลูกชาวนานอกคอกนอกนาเช่นกู เพียงแค่ได้ยินการพูดถึงชาวนากันมากขึ้นเช่นปัจจุบันได้เห็นการถกกันเรื่องการอุดหนุนชาวนากันบ้างในปัจจุบัน กูก็ดีใจฉิบหายแล้ว 

ที่เห็นการทำงานหนักของพี่น้องกู ได้รับการตอบแทนและระลึกถึงกันบ้าง แม้ว่าพวกพี่น้องกูอาจจะชินกับการทำนา ทำไร่  และชินกับการต้องทำงานหนักและต้องรับผิดชอบดูแลตัวเองโดยรัฐไม่เคยเหลียวแลก็ตามที
การหนุนช่วยเพื่อให้พวกเขามีสภาพชีวิตที่ดีขึ้น ไม่ใช่แค่เรื่องรายได้ แต่รวมทั้งเรื่องคุณภาพชีวิต และเรื่องสุขภาพ เป็นเรื่องที่รัฐบาลไทยและพลเมืองไทยผู้กินข้าวทุกคน ควรจะตระหนักถึงกันมากขึ้น และควรจะตระหนักถึงกันมานานแล้ว

การคิดแบบคนเมืองที่ว่า ไม่พอใจก็เลิกทำนาซิ
เป็นความคิดที่ไม่เข้าใจและไม่อ่อนไหวต่อวิถีชีวิต

ก็คงไม่ต่างกันถ้าชาวนาจะบอกคนเมืองมนุษย์เงินเดือนว่า
ไม่พอใจไม่มีความสุขก็เลิกทำงานซิ

ถ้ามันเปลี่ยนวิถีชีวิตกันได้ง่ายๆ เช่นนั้น
ประเทศไทยคงไม่มีชาวนา
ประเทศไทยคงไม่มีชาวไร่
ประเทศไทยคงไม่มีหนุ่มสาวโรงงาน
ประเทศไทยคงมีแต่แต่คนอยากเป็นข้าราชการ
เพราะดูเป็นอาชีพเดียวที่ได้รับการดูแลอย่างดีที่สุดในประเทศนี้


* * * 


เขียนถึงพี่น้องชาวนาที่ยังอยู่เมืองไทยและเป็นประเด็นที่พูดถึงกันในปัจจุบัน ... น้องสาวขอแชร์ภาพเกษตรกรที่ฟินแลนด์


เกษตรกรที่ฟินแลนด์และยุโปร จำนวนมากขึ้นต้องทิ้งวิถีชีวิตเกษตรกรมาอาศัยในเมืองใหญ่กว่า เพราะอยู่ไม่ได้กับวิถีเกษตร โดยเฉพาะเกษตรกรรายย่อยหรือรายเล็ก

ในประเทศที่ยังมีการอุดหนุนและสวัสดิการสังคมเช่นที่กลุ่มสหภาพยุโรป เกษตรกรรายเล็กจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ต่างพากันเลือกที่จะไม่ทำเกษตร - ที่ทั้งเหนื่อยและไม่ได้เงิน - และเลือกหันมารับค่าชดเชยการมีที่ดินแต่ไม่ต้องทำเกษตรจากสหภาพยุโรปแทน

ขบวนการชาวนาโลกบอกว่าทุกปีมีเกษตกรกว่าสี่แสนคนที่ยุโรป (ประชากรยุโรปประมาณ 600 ล้านคน) ต้องเลิกอาชีพทำการเกษตร

ไม่ใช่แค่ประเทศไทยที่การเมืองต้องถกกันเรื่องจะทำอย่างไรกับวิถีอาชีพเกษตรกรรม ที่นับวันก็ถูกทำให้กลายเป็นงานหนัก เป็นงานที่ไม่มีคุณค่า เป็นงานที่ก่อให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพมากมายเพราะสารเคมีเกษตรที่ต้องใช้ และไม่มีใครสามารถจ่ายค่าผลผลิตได้สมกับคุณค่าพลังงานที่ใช้ลงไปกับการผลิต

เรื่องนี้เป็นวิวาทะและข้อถกเถียงทางการเมืองและเศรษฐกิจ ที่กำลังถกเถียงกันในทั่วทุกมุมโลก

และทั่วทุกประเทศในโลกนี้ เกษตรกรรายย่อย(ที่ไม่ต้องการยับ) ก็รวมตัวกันต่อสู้กับวิถีคิดแบบนายทุน แบบคนเมือง และแบบรัฐบาลนายทุนคนเมือง 

เพื่อยืนยันในสิทธิที่จะเลือก ในคุณค่าของชีวิต และในอธิปไตยในที่ดิน อาหาร น้ำ ป่า และการต่อสู้ป้องกันสิทธิในการเข้าถึงและควบคุมเมล็ดพันธุ์(ที่ถูกจดลิขสิทธิ์โดยบรรษัทเกษตรยักษ์ใหญ่เกือบหมดทุกชนิดแล้ว) กันในทุกที่ทั่วโลกเช่นกัน

การผลิตอาหารเป็นสิ่งจำเป็น เราจะยอมให้อาหารถูกผลิตโดยฟาร์มขนาดใหญ่และค้ากำไรอย่างไรก็ได้กับคนเมือง

โดยปล่อยให้คุณค่าของชีวิตเกษตรกรรายย่อยที่ยังถือเป็นพลเมือง 40-50% ในโลกนี้ต้องละทิ้งที่ดิน เลิกอาชีพเกษตรกรรม และหนุนเนื่องแห่เข้ามาแออัดหนาแน่นในเมืองกรุงเพื่อการดำรงชีวิตกระนั้นหรือ

อันเป็นปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นและยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่องมาหลายสิบปีกับทุกประเทศในโลกนี้

แล้วมหานครกรุงเทพและเมืองใหญ่ๆ ของไทย มีศักยภาพมากแค่ไหนที่จะรองรับคนที่จะเข้ามาเพิ่มอีกมากมายเพราะวิถีเกษตรกรรมเป็นอาชีพที่ไม่มีศักดิ์ศรี และไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป?

* * *

อาชีพเกษตรกรรมไม่ใช่เรื่องจินตนาการ ความฝันและพร่ำคำว่าพอเพียงอย่างไม่เข้าใจ

แต่มันเป็นอาชีพที่มีต้นทุนแพงและใช้แรงกายสูง
เช่นเดียวกับการประกอบทุกอาชีพ
มันต้องมีเครื่องมือทำงาน
ทำนามันก็ไม่ใช่มีแค่ที่ดิน แรงคน และแรงควายเท่านั้นหรอก
แต่ทำนาให้สนุกต้องมีเครื่องมือช่วยเยอะมาก



แรงจูงใจให้คนรุ่นใหม่เสี่ยงมาเก็บเบอร์รี่จำนวนหลายคนที่ได้คุยด้วย บอกว่าต้องการเอาเงินไปซื้อรถไถและเครื่องมือการเกษตร

เมื่อตามไปเยี่ยมพวกเขาที่อีสาน เห็นครอบครัวเด็กหนุ่มเก็บเบอร์รี่ 4 คน ร่วมกันใช้แทรกเตอร์(ที่ครอบครัวซื้อได้จากเงินเก็บเบอร์รี่สองสามปี ก่อนเจอปัญหา) พวกหนุ่มมาร่วมทีมงานกันขับรับจ้างเกี่ยวข้าว


เด็กหนุ่มลูกอีสาน การศึกษาไม่ต่ำเหล่านี้ บอกว่าสนุกกับการทำนา อยากทำอาชีพเกษตร แต่เป็นอาชีพเกษตรสมัยใหม่ ที่มีอุปกรณ์ช่วยงานหนัก โดยเฉพาะพวกรถแทรกเตอร์ช่วยในทุกงานหนัก ทั้งงานไถดิน พรวนดิน หว่าน ฉีดยา เก็บเกี่ยว จนถึงนวด

ตอนไปศึกษาเรื่องเบอร์รี่ก็ได้ไปพักกับครอบครัวนักกิจกรรมที่ต้องการช่วยเหลือคนงานเบอร์รี่ ที่ยังเป็นครอบครัวเกษตรกร และลูกชายเป็นนักการเมืองท้องถิ่น จบปริญาตรีแล้ว ก็ยังทำการเกษตร แต่ก็บอกว่าในหมู่บ้านเหลือคนทำเกษตรเพียงสองครอบครัวเท่านั้น หมู่บ้านเริ่มมีคนน้อยลง และร้านขายของชำที่อยู่ใกล้ที่สุด 16 กม. เพิ่มปิดตัวไป ตอนนี้จะซื้อของต้องขับรถไปถึง 50 กม.
แต่ครอบครัวนี้เลือกที่เป็นเกษตรกรและใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่ พวกเขาเลือกปลูกหญ้าเฮย์ (สำหรับเลี้ยงสัตว์) เป็นผลิตผลหลัก โดยบอกว่า รายได้จากค่าหญ้าช่วยจ่ายค่าใช้จ่ายหลักๆ ของบ้านได้ ส่วนรายได้เสริมก็มาจากการทำงานอื่นเอา และพวกเขาก็เลี้ยงปลาในหนองน้ำธรรมชาติ และเก็บพวกเบอร์รี่และเห็ดตุนไว้กินทั้งปี


นี่คือสภาพเกษตรกรรมในพื้นที่หนาวที่จะมีเวลาทำเกษตรได้ปีละไม่เพียง 4-5 เดือน อีก 6-7 เดือนพื้นที่เหล่านี้จะหนาวเย็นและอยู่ใต้หิมะ

การเกษตรมันไม่ได้เป็นสวรรค์หรือสวยดังภาพ แต่มันคือการเลือกวิถีชีวิตที่มาพร้อมกับภาระหน้าที่ที่หนักหนาพอควร
* * *

มาดูงานแต่งงานของโรงสีข้าวเมืองสุพรรณฯ กันฮะ
อู่ฟู่ หรูหรา อิ่มหมีพีมัน ชนิดที่ไม่ต้องรู้จักคำว่าอับอายชาวนากันบ้างเลย!

ฮือฮาขับเฟอรารี่พาเจ้าสาวเข้าวิวาห์

เดลินิวส์ วันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม 2556
เมื่อวันที่ 24 มี.ค. มีรายงานเมื่อช่วง้ย็นวานนี้ ที่บริษัท ศศิธร อินเตอร์ไรซ์ จำกัด ทำธุรกิจโรงสีข้าว เลขที่ 99/9 หมู่ 3 ต.สระแก้ว อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี ได้มีการจัดงานพิธีมงคลสมรส ระหว่างนายนริศ เลิศวิไลนริศ อายุ 50 ปี เจ้าของบริษัทโรงสีข้าว กับ น.ส.ศศิธร นาคสุข อายุ 40 ปี และจัดพิธีฉลองสมรสอย่างยิ่งใหญ่ โดยทางเจ้าภาพจัดเตรียมโต๊ะจีนไว้ถึง 300 โต๊ะ มัแขกเหรื่อเข้ามาร่วมงานกว่า 3,000 คน โดยมีนายจองชัย เที่ยงธรรม อดีต รมว.แรงงานและสวัสดิการสังคม เป็นประธานพิธี ขณะที่ เพื่อนเจ้าบ่าวทำเซอร์ไพร์ ขับรถเฟอร์รารี่ ราคาคันละกว่า 20 ล้านบาท จำนวน 10 คันพาคู่บ่าวสาวเข้ามาในงาน สร้างความฮือฮาและตกตะลึงหกับแขกเหรื่อที่เดินทางเข้ามาร่วมงานเป็นอย่างมาก


* * *

ชาวนาน่ะถูกรัฐบาลหักหลังมาทุกยุคทุกสมัย
แต่รัฐบาลยิ่งลักษณ์จะอยู่รอดไหมถ้าหักหลังชาวนาครั้งนี้?

การสร้างความหวังให้ชาวนาครั้งนี้ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์
รัฐบาลควรจะมุ่งมั่นทำตามให้ได้มากที่สุด

ถ้าจ่ายค่ารับจำนำประกันข้าวไม่ได้ตามเป้า
ก็ต้องนั่งเจรจากับขบวนการชาวนา เพื่อพูดคุยกันเรื่องชดเชยด้วยระบบอุดหนุนการเกษตรในรูปแบบอื่น เสริมเพิ่มเติมขึ้นมาจนเป็นที่พอใจของชาวนา

และรัฐบาลก็ควรจะกล้าหาญ เชิญชวนชาวนารายย่อยร่วมมือกับรัฐบาลในการขจัดมาเฟียคุมและกินค่าหัวคิวการตลาดข้าวกันให้สำเร็จเสียที!

19 มิ.ย.13

อีกกระทู้นะขออัดเรื่องการโจมตีรัฐบาลเรื่องช่วยชาวนาหน่อยนะ

ขอโทษนะฮะ

เกษตรกรยุโรปจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เลือกที่จะรับเงินค่าจ้างไม่ต้องทำเกษตรจากอียู แทนการทำเกษตรฮะ

สหภาพยุโรป หรืออียูนี่ล่ะตัวอุ้มเกษตรและอุดหนุนเกษตรกันหนักจริงๆ แต่ห้ามประเทศโลกใต้อุดหนุนการเกษตรด้วยข้ออ้างว่าขัดกับมาตรการการค้าเสรี

แต่อียูก็เลือกใช้วิธีการอุดหนุนเกษตรกรที่ยุโรปให้ไม่ต้องทำเกษตร เพื่อเปิดพื้นที่เจรจาการค้าเสรีกับประเทศโลกใต้ โดยการเจรจาแลกการนำเข้าสินค้าทั้งอาหาร เครื่องนุ่งห่ม อุปกรณ์ราคาถูกจากประเทศโลกใต้กับเทคโนโลยี สินค้าราคาแพง และค่าบริการทางมันสมองราคาแพงกว่าของชาวยุโรป

ประเทศไทยเพิ่งเริ่มจะหัดเรียนรู้ที่จะรับผิดชอบและอุดหนุนชาวนากันบ้างแค่นิดหน่อยเอง
ในขณะที่อุ้มคนรวย คนเมืองกันมาหลายร้อยปี

จะมาบ่นเรื่องมากอย่างน่ารำคาญกันไปทำไมพวกคนเมือง
รู้จักใจกว้าง หยุดเห็นแก่ตัว
และหัดเรียนรู้ที่จะเห็นอกเห็นใจและแฟร์
กับคนชนบทที่ผลิตข้าวให้กันกันบ้างเถอะ
* * *

ชอบมากๆๆๆๆ
การประท้วงที่เงียบที่ก้องกัมปนาทกว่ากระสุนปืน

มีวิธีการประท้วงอย่างสร้างสรรค์ ทรงพลัง และสันติมากมายให้เดินตามหรือคิดค้นกันนะฮะ
---------

มติชน "พบกับ"ชายผู้ยืนท้าทาย" ผู้จุดประกาย"ประท้วงเงียบ"ทั่วตุรกี"

วันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ชายชาวตุรกี เจ้าของฉายา "ชายผู้ยืนท้าทาย" (standing man) ได้เป็นผู้นำการประท้วง"อย่างสงบ"ต่อเหตุการณ์การสลายการชุมนุมของเจ้าหน้าที่ด้วยความรุนแรง บริเวณจัตุรัสทักซิมในนครอิสตันบูล 

นายเออร์เดม กุนดุซ ซึ่งมีอาชีพเป็นนักแสดง ได้ยืนสงบนิ่งเป็นเวลานานกว่า 8 ชม. ต่อหน้าภาพวาดของมุสตาฟา เคมาล อาตาเติร์ก ผู้ก่อตั้งประเทศตุรกี ที่ติดไว้บริเวณอาคารศูนย์วัฒนธรรมอาตาเติร์ก ตั้งแต่เวลา 18.00 น. วานนี้ ตามเวลาท้องถิ่น 
จากนั้น ประชาชนหลายร้อยคนได้ร่วมยืนอย่างสงบบริเวณจัตุรัสทักซิมเช่นเดียวกับนายกุนดุซ สำนักข่าวโดกัน รายงานว่า นายกุนดุซกล่าวว่า การยืนครั้งนี้เป็นการยืนเชิงสัญลักษณ์ เพื่อต่อต้านการปราบปรามของเจ้าหน้าที่ 
ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 02.00 น.วันนี้ เจ้าหน้าที่ได้เคลื่อนกำลังเข้ามา ขณะที่มีผู้ร่วมยืนสงบนิ่งกว่า 300 คน โดยผู้ที่ขัดขืนไม่ยอมออกจากพื้นที่ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวไป 10 ราย อย่างไรก็ดี ในช่วงเช้าวันนี้ ได้มีผู้มายืนประท้วงด้วยการยืนสงบนิ่ง แต่ก็ถูกเจ้าหน้าที่นำตัวขึ้นรถตู้เพื่อไปสอบสวน

 * * *

เห็นดาราและคนมีชื่อเสียงในหลายประเทศมักจะออกมายืนเคียงข้างประชาชนร่วมต่อสู้กับความอยุติธรรม

มีแต่ดาราไทยนี่ล่ะ แค่ถูกข้อกล่าวหาว่าไม่รักพ่อ ก็ต้องออกสื่อกราบกรานขอโทษและปฏิญญารักพ่อมากที่สุดในโลก

ทั้งยังจัดกิจกรรมพากันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีกันอย่างซาบซึ้งน้ำตาไหลกันไม่หยุดหย่อน

พร้อมประกาศว่า"ยอมตายเพื่อในหลวง" หรือคำประกาศอันโด่งดังที่ว่า "ถ้าเกลียดพ่อ ไม่รักพ่อแล้ว จงออกไปจากที่นี่ซะ เพราะที่นี่คือบ้านของพ่อ เพราะที่นี่คือแผ่นดินของพ่อ"

เห็นดาราต่างชาติรณรงค์เพื่อสันติภาพ ความเท่าเทียมและประชาธิปไตย สิทธิสัตว์ สิทธิมนุษยชน และการใช้ชีวิตที่คำนึงเรื่องจริยธรรมผู้บริโภค

แล้วหันมาดูดาราไทยที่มักไม่ได้ทำกิจกรรมอะไรเลยเพื่อสังคม นอกจากเป็นผู้นำแฟชั่นแบรนด์ดัง และส่งเสริมการใช้ชีวิตที่ฟุ่มเฟื่อยหรูหราโดยไม่ต้องคิดมากกันแล้ว ก็ได้แต่สังเวชใจ

18 มิ.ย. 13 (2)

ถ้าศาสนาหรือศาสดาใดสอนสั่งให้ไม่ตั้งคำถาม
ท่านจงเริ่มตั้งคำถามกับศาสนาและศาสดานั้นเถิด!

* * *
ถ้าพระไทยที่ดังๆ ทั้งหลายใช้เงินมากมายที่ได้มาจากญาติโยมไปกับการตั้งกองทุนพัฒนาพื้นที่หรือชุมชนรอบๆ วัดหรือที่ห่างไกล แทนการใช้จ่ายสุรุยสุร่ายไปกับการใช้ชีวิตไฮโซ และสินค้าแบรนด์หรู ศาสนาพุทธแบบไทยๆ ก็คงจะน่ารักและน่านับถือกว่านี้มากมายหลายเท่าทีเดียวล่ะ

ตอนนี้พระไทยจำนวนไม่น้อย ก็เป็นเพียงคนในศาสนาพุทธที่หาเงินจากการเจิมป้าย พรมน้ำมนต์ สะเดาะเคราะห์ ต่อดวงชะตา และยึดเหนี่ยวจิตใจให้กับคนไทยที่ใจไม่เข้มแข็งแต่มีกำลังจ่าย ทั้งหลายเท่านั้นเอง!


* * *

เหตุผลหนึ่งที่กูลุกขึ้นมาวิจารณ์ศาสนาและธรรมเนียมวิถีพุทธที่ขัดกับหลักปรัชญาพุทธ ไม่ใช่เพราะเป็นผู้เชี่ยวชาญศาสนาหรือปรัชญาอะไรเลย แต่เพราะกูทนอยู่กับความกลัวโน่นกลัวนี่แบบไร้เหตุผลที่สั่งสมมาตั้งแต่เด็กไม่ได้มากขึ้นนั่นล่ะ

ตั้งแต่เด็ก กูก็ถูกทำให้กลัวจินตนาการที่ไม่เคยพบเห็นด้วยตัวเอง ทั้งเรื่องผีใบตาล ผีเปรตปากเท่ารูเข็ม ระวังจะตกนรก ถูกผลักลงกะทะทองแดง ถูกไล่ทิ่มแทงให้ต้องปืนต้นงิ้ว เพราะเรื่องผิดศีลต่างๆ ที่กูก็ไม่เห็นใครส่วนใหญ่ปฏิบัติกันจริงๆ จังๆ สักอย่าง

และกูก็ตั้งคำถามเรื่องๆ กับการแต่งตัวสวยที่สุด ใส่เครื่องประดับที่มีทั้งหมดในบ้าน เพื่อไปวัดในวันพระใหญ่ เพื่อฟังพระเทศภาษาบาลีที่ไม่มีคำอธิบาย และเพื่อรอเวลาพระฉันข้าวจะได้นินทากันลั่นวัดเรื่องชาวบ้าน เสร็จแล้วก็รีบหาบกระจาด หิ้วปินโตกลับบ้านมาทำบาปกันต่อ

สี่ปีในมหาวิทยาลัยจึงเป็นสี่ปีที่มีค่ามาก เพราะนอกจากถูกใช้ไปกับการเรียนและการสอบให้ผ่านแล้ว มันถูกใช้ไปกับการดั้นด้นแสวงหาคำตอบให้กับความกลัวที่ไร้เหตุผลเหล่านี้ ทั้งหาอ่านงานด้านศาสนาและปรัชญาที่มีคำอธิบายและในภาษาที่กูเข้าใจได้ และแสวงหาศาสดาต่างๆ เพื่อคำตอบที่อาจช่วยให้หลุดจากความกลัวเหล่านี้

แต่ปรากฎว่าการขจัดความกลัวหลายเรื่องเกิดได้ เพราะมันเห็นความทุกข์ของตัวเองและของคนอื่น

ยิ่งเห็นทุกข์ ยิ่งเป็นปัจจุบันวิสัย ก็ยิ่งกลัวจิตวิตกน้อยลงไปเรื่อยๆ ก็ยิ่งต้องวิพากษ์วิจารณ์วิถีธรรมเนียมและประเพณีที่ยังพยายามคุมคนให้อยู่ในความกลัวกันไม่หยุดหย่อน ไม่ว่าในรูปแบบใดมากขึ้นเรื่อยๆ ตามไปด้วยนี่ล่ะ

แต่ไม่ได้หมายความว่ากูหลุดพ้นและเป็นศาสดานะ ความกลัวก็ยังมีอยู่ กิเลสตัญหาก็ยังอยู่เยอะ แต่มันไม่ได้กลัวซะจนต้องวิ่งเข้าหาไสยศาสตร์ทุกชนิดโดยไม่ตรวจทานและยั้งคิด เพื่อช่วยปลุกปลอบใจให้มีความกล้ามากขึ้นเท่านั้นเอง.
* * *

คุยหลังไมค์อยู่แล้วก็มาคิดว่า ...

วังไทยสื่อสารกับประชาชนด้านเดียว (ด้านที่อยากจะบอกเท่านั้น) มาตลอด

โดยทิ้งเงื่อนงำและข้อสงสัยให้คนทั้งประเทศและทั้งโลกต้องสงสัย และให้ต้องพยายามหาคำตอบหรือเดาคำตอบกันไปเองมากมายหลายเรื่อง(หรือเกือบจะทุกเรื่อง) จริงๆ

อยากรู้เหมือนกันว่าเมื่อไรเราจะรู้จักราชสำนักไทย ราชวงศ์ไทย อย่างคน อย่างมนุษย์ ที่ไม่ใช่อย่างเทวดาที่พยายามปลุกเสกและสร้างให้เป็นกันเสียที

* * *

ถ้าสื่อไทยมีเสรีภาพ และไม่ต้องกลัวที่จะเจอกับคดี 112 นะ แม้ไม่กล้าเขียนวิจารณ์เองก็ได้ แค่เผยแพร่ข่าว หรือตามข่าวต่างประเทศว่าสื่อต่างประเทศพูดถึงเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินไทยอย่างไรบ้างก็ยังดี

แต่นี่มีหลายครั้งที่สื่อต่างประเทศพูดถึงพฤติกรรมของเจ้าฟ้าไทยเวลาเสด็จต่างประเทศหรือเวลาใช้ชีวิตที่ต่างประเทศ แต่สื่อไทยต่างพากันล็อคกุญแจปากกันอย่างเงียบกริบ ไม่แม้แต่จะแปลข่าวมาลงเสนอให้คนไทยได้ร่วมรับรู้ และก็ได้แต่ตั้งหน้าตั้งตาจัดทำสารคดีตามเสด็จเวลาไปเยือนต่างประเทศมาฉายกันด้านเดียวต่อไป

ถ้าสื่อไทยไม่ตีแผ่ความจริงอีกด้านของราชสำนักไทยหรือพยายามขุดคุ้ยความจริงอีกด้านของราชสำนักไทยกันบ้าง สังคมไทยส่วนใหญ่ก็ยังอยู่ในสภาวะปิดตาข้างเดียว และจะมีกลุ่มคนที่เชื่อข้อมูลจากการถูกอัดฉีดข้อมูลด้านเดียว จนกลายเป็นผู้คุ้มคลั่งรักเจ้าปกป้องเจ้าอย่างป่าเถื่อนโหดร้ายไปได้เช่นที่เห็นกันอยู่ในสังคมขณะนี้

* * *

ใกล้เทศกาลเก็บเบอร์รี่แล้ว ทั้งนักกิจกรรม นักวิชาการที่ฟินแลนด์ เริ่มติดต่อเข้ามาเพื่อขอบทความและชวนกันทำกิจกรรมเพื่อสร้างการตื่นรู้ในสังคมฟินแลนด์เกี่ยวกับปัญหาที่คนงานเก็บเบอร์รี่ชาวไทยต้องพบเจอ

เสียดายที่ในประเทศไทยเอง

กลับมีแต่ผู้คน ทั้งครอบครัว ญาติ นายหน้า สาย บริษัทจัดหางาน เจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงาน (ที่จำนวนมากก็ไม่เคยมาเก็บเบอร์รี่ ไม่เคยเห็นว่าสภาพการทำงานมันเป็นอย่างไง) ต่างพยายามทุกช่องทางที่ให้ข้อมูลด้านเดียว เพื่อหาคนงานให้บริษัทเบอร์รี่ที่ฟินแลนด์และสวีเดนให้ได้ตามเป้า

ทั้งชักจูง ลากชวนกันมาเก็บเบอร์รี่ด้วย propaganda คำโฆษณาว่า "ถ้าสู้งานหนัก ขยัน อดทน ได้เงินกลับบ้านเป็นแสนแน่นอน"

แต่ไม่ได้ย้ำจริงๆ ว่าที่บอกว่า "งานหนัก ต้องขยัน ต้องอดทน" นั้นกว่าครึ่งทุกปีก็ไม่ได้แสน ได้แต่แสนสาหัสกลับบ้าน ... เพราะมันมีหลายปัจจัยที่มาเกี่ยวข้อง

และท้ายที่สุด ไม่มีการให้ข้อมูลให้พวกคนงานได้ถกกันอย่างจริงจังว่า การทำงานวันละ 12-20 ชั่วโมงไม่ได้พักเลยตลอด 75 วัน ในสภาพอากาศหนาวตั้งแต่ 10-20 องศาในเดือนแรกและ 0-10 องศาในเดือนที่สอง ทั้งลุยหนอง เดินเขา ท่ามกลางฝน ยุง และสภาพป่าที่ไม่คุ้นชินนั้น ด้วยค่าใช้จ่ายทั้งฤดูกาล 140,000 บาท มันเป็นการลงทุนที่สูงและเสี่ยงมากแค่ไหนกับเวลาเพียง 2-3 เดือน และในความเป็นจริง สภาพการทำงาน ที่พัก และการกิน ที่ต้องมาอยู่กันนั้น มันแย่เกินจินตนาการของคนที่คิดแต่ว่าจะได้ไปเมืองนอกเท่านั้นอย่างไรบ้าง

มันก็เช่นเดียวกับหลายเรื่องในเมืองไทย ซึ่งสิ่งหนึ่งที่เป็นปัญหาใหญ่มากคือ

ประเทศไทยใช้วิถีการทำการค้า การประชาสัมพันธ์ โดยการโหมโฆษณาด้านเดียวกันอย่างหนัก
ในเกือบทุกด้าน ทั้งเรื่องสถาบันกษัตริย์ เรื่องการเมือง และการหาเงินกันทุกรูปแบบ จากการขายฝัน เช่าความเชื่อ และค้าความหวังกันเยอะ อย่างไร้จริยธรรมและไม่ใส่ใจต่อความถูกต้องอย่างถึงที่สุด .. .

ด้วยวิธีการพูดจริงส่วนหนึ่งแล้วพูดโน้มน้าวสัก 3 ส่วนเพื่อกลบปัญหาที่จะต้องพบเจอให้ดูบางเบาราวขนนก ... แต่จริงๆ แล้วมันได้สร้างความทุกข์ยิ่งกว่าหินผาให้กับผู้คนมามากมายด้วยการรู้เท่าไม่ถึงการหรือการไม่คิดให้ลึกและรอบด้าน

ไม่รู้ว่าปีนี้จะมีคนมาเก็บเบอร์รี่กี่พันคน และจะต้องมีคนเสียหายกันกี่ร้อยกี่พันคน!!!

* * *


Estimates range between 100,000 and 1,000,000 in the streets of Rio Brazil now. The root of the protest seems to be the corruption involved in building football stadiums instead of helping the people...
LIVE
http://www.livestream.com/anonymousBR
http://aovivo.folha.uol.com.br/2013/06/17/2630-aovivo.shtml

Background on Brazil Protests
Change Brazil https://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=AIBYEXLGdSg

http://copaemcuiaba.com.br/

คนบราซิลกว่าแสนเดินขบวนเมื่อคืน ต้านการใช้เงินจำนวนมากสร้างสเตเดี้ยม World Cup 2014 เรียกร้องว่าให้รัฐบาลนำเงินมาจัดสรรสวัดิการด้านสุขภาพและการศึกษาให้ประชาชน

18 มิ.ย. 13

แถลงการณ์ "พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย" (ที่ไม่ได้อยู่ภายใต้พระบรมราชูปถัมภ์)


แถลงการณ์ "พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย" (ที่ไม่ได้อยู่ภายใต้พระบรมราชูปถัมภ์)

"สรุปได้ว่า ต่อสถานการณ์ปัจจุบัน ภาระหน้าที่ของพวกเราคือจะต้องยืนหยัดต่อสู้ คัดค้านการทำรัฐประหารทุกรูปแบบ คัดค้านการใช้อำนาจนอกระบบรัฐธรรมนูญ สนับสนุนการพัฒนาระบอบประชาธิปไตยที่อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทยให้เข้มแข็งสมบูรณ์เพื่อนำไปสู่ประชาธิปไตยของประชาชนอย่างแท้จริง มีแต่เช่นนี้เท่านั้น จึงจะทำให้เราผลักดันให้สังมก้าวรุดหน้าต่อไปได้ตามการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย"

ธง แจ่มศรี
(เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย)
ธันวาคม ๒๕๕๑

ที่มา: http://www.thaingo.org/writer/view.php?id=1064

ภาพประกอบ: http://www.tissiam.com/wp-content/uploads/2012/06/ธง-แจ่มศรี.jpg

ข้อมูลเพิ่มเติม: http://th.wikipedia.org/wiki/ธง_แจ่มศรี
* * *

* * *

Aum Neko said : เราจะเห็นความดัดจริตเมื่อสิ่งที่ถูกสร้างความศักดิ์สิทธิ์ อย่างเศษผ้า ธง ก้อนหิน รูป มหาวิทยาลัย ถูกเรือนร่างของมนุษย์มาใช้ผสมผสานให้เป็นศิลปะ มันสะท้อนความเปราะบางของคุณค่าที่ถูกเสริมแต่งขึ้นมาใหม่ และความที่คนพวกนี้ไร้ซึ่ง "ความอดทนอดกลั้น" ต่อความแตกต่างในสังคม จะเห็นได้แม้กระทั่งคนระดับรองอธิการบดี หรือพวกนักวิชาการ คนโลกสวยๆที่อ้าง normๆๆๆ แต่ไม่เคยรู้จักความเป็นมนุษย์ ต้องส่งไปเรียน TU110 แล้วละคะ

ขอเพิ่มประเด็นจากน้องอั้ม : ประเด็นธงชาติเอามาคลุมตัว มาเป็นเสื้อผ้า ถ่ายภาพแนว sexy เป็นเรื่องปกติมากในสังคมที่เจริญแล้ว ที่ออสเตรเลียนี่ทำกันเป็นเรื่องปกติ แต่ไม่ใช่เฉพาะในโลกตะวันตก แม้แต่ในจีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น ฮ่องกง เรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่คอขาดบาดตายเอามาดราม่าคลั่งชาติกันแบบสลิ่มไทยทำกันอยู่ ... เข้าไปอ่าน comment ในภาพนั้นโดนสลิ่มถล่ม ว่าไม่เหมาะบ้าง ถ้าอยากทำแบบนี้ก็ไปอยู่ประเทศอื่น ก็ขำ ... เพราะมันย้อนแย้งสุดๆ อย่างที่เคยเขียนไป ไอ้เรื่องธงชาติ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความเป็นรัฐชาติสมัยใหม่ โดยเฉพาะธงไตรรงค์นี่เมิงรับมาจากประเทศอื่นเต็มๆ (มันก็คือธง le drapeau bleu blanc rouge ของฝรั่งเศสมาดัดแปลงแบบแทบไม่เปลี่ยนอะไรเลย) ... อีกประการนึงที่สะท้อนออกมา คือ สังคมขวาจัดมักเห็นเรือนร่างของมนุษย์เป็นสิ่งต่ำ เมื่อไปคู่กับธงชาติที่ตัวเองให้คุณค่า จึงเกิดอาการนี้ขึ้น ซึ่งการดูถูกเรือนร่างมนุษย์ มันเป็นเมล็ดพันธุ์ของการไม่เห็นคุณค่ามนุษย์ จึงไม่แปลกใจเลยที่สังคมที่มีอาการนี้ ยังคงมีโทษประหารชีวิต หรือการสั่งปราบปรามฆ่าล้างประชาชน จนเป็นเรื่องปกติ
 

อืม! อีกเรื่องที่ชาวมหานครเมืองเทวดา ดีดดิ้นเป็นกันเอามากคือเรื่องการใช้ธงชาติมาประดับเป็นเสื้อผ้าปิดหำน้อยหำใหญ่ หรือปิดจิ๋มดำจิ๋มขาว

เฮ้อ! กูว่าพวกท่านน่าจะดีใจด้วยซ้ำนะ ที่ยังมีคนคิดเอาธงชาติไทย ซี่งไม่ได้ดูสวยเก๋อะไรเท่าไรเลยมาทำเป็นเครื่องประดับกายเพราะความรักในธงชาติอ่ะ

เพราะคงมีคนจำนวนไม่ใช่น้อยที่ไม่สนใจจะใช้ธงชาติไทยสัญลักษณ์ของเมืองดัดจริต มาทำเครื่องประดับกายอ่ะนะ!

* * *

โชคดีที่สุดในชีวิตนี้ที่ได้เจออัจฉริยะหลายคน โดยเฉพาะคนทำงานเขียนและศิลปะ ที่ไม่คิดเรื่องเอาตัวให้รอด หรือไม่สามารถเอาตัวรอดได้

ได้ทำงานกับเหล่าคนอัจฉริยะ แล้วต่อมสมองอิจฉามันทำงาน และขับเคลื่อนแรงกระตุ้นให้กูให้พยายามปรับปรุงงานของตัวเองบ้าง

แต่ยิ่งอ่านงานเห็นงานของเหล่าเพื่อนฝูงผู้ genius ทั้งหลาย กูก็ยิ่งรู้สึกห่างไกลจากความเป็นอัจฉริยะมากขึ้นเรื่อยๆ ...

คงต้องอยู่กับความอิจฉากันต่อไป ...ฮา
* * *

ถ้าพระไทยที่ดังๆ ทั้งหลายใช้เงินมากมายที่ได้มาจากญาติโยมไปกับการตั้งกองทุนพัฒนาพื้นที่หรือชุมชนรอบๆ วัดหรือที่ห่างไกล แทนการใช้จ่ายสุรุยสุร่ายไปกับการใช้ชีวิตไฮโซ และสินค้าแบรนด์หรู ศาสนาพุทธแบบไทยๆ ก็คงจะน่ารักและน่านับถือกว่านี้มากมายหลายเท่าทีเดียวล่ะ

ตอนนี้พระไทยจำนวนไม่น้อย ก็เป็นเพียงคนในศาสนาพุทธที่หาเงินจากการเจิมป้าย พรมน้ำมนต์ สะเดาะเคราะห์ ต่อดวงชะตา และยึดเหนี่ยวจิตใจให้กับคนไทยที่ใจไม่เข้มแข็งแต่มีกำลังจ่าย ทั้งหลายเท่านั้นเอง!
* * *

ดีใจที่มีคนศึกษาเรื่องนี้ฮะ เพราะเคยคุยกับน้องๆ ทีมงานเหมือนกันว่าน่าจะมีการเขียนถึงวิถีชีวิตและการกดดันต่างๆ ที่เกย์ กะเทย ทอม ดี้ ในย่านอุตสาหกรรมต้องพบเจอ

อยากอ่านงานวิจัยชิ้นนี้ซะแล้วซิ
---------------

ประชาธรรม "กะเทยและทอมในโรงงานอุตสาหกรรม:ความหลากหลายทางเพศในกระแสทุนนิยม"
วันที่ 18 มิ.ย. 2556

 

วานนี้ 17มิ.ย. 56 คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดเวทีเสวนาหัวข้อ "ความหลากหลายทางเพศในกระแสทุนนิยม:กะเทยคาบาเรต์โชว์กะเทยและทอมในโรงงานอุตสาหกรรมนำเสนอโดยนายภูริณัฐร์ โชติวรรณ เปิดงานศึกษาเรื่อง"กะเทย(ควาย)ชนบทอีสาน":การสร้างตัวตนทันสมัยและการปรับตัวของกะเทยจากชนบทอีสานที่เข้ามาทำงานโรงงานอุตสาหกรรมในจังหวัดระยอง" ณ ห้องประชุมชั้น 3 อาคาร 3 (ห้องสีฟ้า) คณะสังคมศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่