9 มิ.ย. 13 "ระลึกองค์อานันท์ฯ"


องค์อานันท์ กับปริศนาการสิ้นพระชนม์ ที่จริงๆ ก็ไม่ใช่ปริศนาเท่าไร เพราะชาวบ้านชาวช่องก็รู้กันมาตั้งนานแล้ว แต่พูดสาธารณะกันไม่ได้ง่ายๆ นัก
----------------------------
ผมเห็นว่าคุณได้บำเพ็ญบุญกุศลอย่างแรงในการที่คุณได้แจ้งให้ผมทราบถึงบันทึกที่คุณเผ่าได้สอบถามปากคำคุณเฉลียว ชิต บุศย์ ก่อนถูกยิงเป้า ที่ยืนยันว่าผู้บริสุทธิ์ทั้งสามรวมทั้งตัวผมมิได้มีส่วนพัวพันในกรณีสวรรคต ดังนั้น นอกจากผมขอแสดงความขอบคุณเปนอย่างยิ่งมายังคุณ ผมจึงได้ตั้งจิตอธิษฐานขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยโปรดดลบันดาลให้คุณมีความสุขความเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไปและประสบทุกสิ่งที่คุณปรารถนาทุกประการ

ผมขอส่งความรักและนับถือมายังคุณ
ปรีดี พนมยงค์


พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเห็นคุณความดีของหัวหน้าคณะราษฎรสายพลเรือนและหัวหน้าเสรีไทยสายในประเทศ "นายปรีดี พนมยงค์" โดยทรงยกย่องให้ดำรงตำแหน่ง "รัฐบุรุษอาวุโส" ทั้งทรงลงพระปรมาภิไธยในรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย ตั้งแต่เจตนารมณ์ กระบวนการ และการบังคับใช้ นั่นคือ "รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2489" ซึ่งถูกฉีกทำลายโดยเผด็จการทหาร และกลายเป็นมรดกตกทอดสู่ระบบคิดของผู้นำกองทัพที่รับช่วงความคิดแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาตลอด 66 ปี นับจากวันที่ 8 พฤศจิกายน 2490 เป็นต้นมา


"ระลึกองค์อานันท์ฯ"




ระลึกวันถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล 29 มีนาคม 2493

หมายเหตุ: ในจดหมายของนายสังข์ พัธโนทัย ที่มีไปถึงนายปรีดี พนมยงค์ เล่าถึงบันทึกของ พล.ต.อ. เผ่า ศรียานนท์ และความดำริจอมพล ป. พิบูลสงคราม เรื่องการดำริจะรื้อฟื้นคดีสวรรคตขึ้นมาพิจารณาใหม่ เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ถูกประหารชีวิตทั้งสามคน และท่านปรีดี แต่ตามกฎหมายไทยที่ใช้อยู่ เมื่อคดีถูกพิพากษาถึงที่สุดแล้วเป็นอันยุติ ดังนั้น ถ้าจะรื้อฟื้นคดีสวรรคตขึ้นมาพิจารณาใหม่ ก็ต้องมีกฎหมายรองรับให้อำนาจ จอมพล ป. พิบูลสงคราม จึงเตรียมการที่จะออกกฎหมายดังกล่าวนั้น นายปรีดีได้มีจดหมายตอบนายสังข์ พัธโนทัยในเวลาต่อมา และจดหมายฉบับนี้นายวรรณไว พัธโนทัยลูกชายของคุณสังข์ได้มอบให้หนังสือพิมพ์ ไทยโพสต์ นำไปเปิดเผยในฉบับวันที่ 24 มิถุนายน 2542 ที่ผ่านมา ดังสำเนารายละเอียดต่อไปนี้

วันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2499
คุณสังข์ พัธโนทัย ที่รัก

ผมได้รับจดหมายของคุณฉบับลงวันที่ 12 เดือนนี้กับหนังสือ ความนึกในกรงขัง แล้วด้วยความรู้สึกขอบคุณมากในไมตรีจิตและความเปนธรรมที่คุณมีต่อผม

ผมมีความยินดีมากที่ได้ทราบจากคำยืนยันของคุณว่า ท่านจอมพล ป. พิบูลสงคราม มิได้เปนศัตรูของผมเลย ท่านมีความรำลึกถึงความหลังอยู่เสมอ และอยากจะเห็นผมกลับประเทศทุกเมื่อ แม้ว่าเหตุการณ์ทางการเมืองจะเปนดังที่คุณกล่าวว่าเหตุการณ์ไม่ช่วยเราเสมอไปและจำเปนต้องใช้ความอดทนอยู่มากก็ตาม แต่ผมก็มีความหวังว่า โดยความช่วยเหลือของคุณผู้ซึ่งมีใจเปนธรรมและมีอุดมคติที่จะรับใช้ชาติและราษฎรอย่างบริสุทธิ์ ผมคงจะมีโอกาสทำความเข้าใจกับท่านจอมพล ป. พิบูลสงคราม ถึงเจตนาดีของผมในส่วนที่เกี่ยวแก่ท่านจอมพล ป. พิบูลสงคราม และการงานของชาติและราษฎรที่เราทั้งหลายจะต้องร่วมมือกันเพื่อความเปนเอกราชสมบูรณ์ของชาติ ผมจึงมีความปรารถนาเปนอย่างมากที่จะได้มีโอกาสพบกับคุณในเวลาไม่ช้านัก เพื่อปรึกษาหารือกับคุณถึงเรื่องนี้และเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงอีกหลายประการซึ่งบางทีคุณอาจต้องการทราบ

ผมเห็นว่าคุณได้บำเพ็ญบุญกุศลอย่างแรงในการที่คุณได้แจ้งให้ผมทราบถึงบันทึกที่คุณเผ่าได้สอบถามปากคำคุณเฉลียว ชิต บุศย์ ก่อนถูกยิงเป้า ที่ยืนยันว่าผู้บริสุทธิ์ทั้งสามรวมทั้งตัวผมมิได้มีส่วนพัวพันในกรณีสวรรคต ดังนั้น นอกจากผมขอแสดงความขอบคุณเปนอย่างยิ่งมายังคุณ ผมจึงได้ตั้งจิตอธิษฐานขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยโปรดดลบันดาลให้คุณมีความสุขความเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไปและประสบทุกสิ่งที่คุณปรารถนาทุกประการ

ผมขอส่งความรักและนับถือมายังคุณ
ปรีดี พนมยงค์


* * *


วิพากษ์แนวคิดหลักของสังคมไทย

แชร์กันอีกรอบฮะ
จดหมายจากคนที่ยืนยันมาตลอด 8-9 ปีที่ถูกคุมขังและทรมานต่างๆ นาๆ ให้รับสารภาพ ในระหว่างถูกดำเนินคดีและพิจารณาคดี และจะถูกประหารชีวืตในวันรุ่งขึ้นแล้ว (17 ก.พ.2498) น่าเชื่อกว่าคำพิจารณาของศาล 

ผู้บริสุทธิ์ที่ถูกตัดสินประหารชีวิต เพื่อปิดคดีปลงพระชนม์ในหลวงรัชกาลที่ 8 เพราะถ้ายังปิดคดีไม่ได้ นานาชาติก็จะกดดันกันต่อไปให้ค้นหาความจริงให้จงได้
* * * 

ควรอ่านอย่างยิ่ง!

ช่วงเช้าของวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 กษัตริย์อานันทมหิดล ซึ่งเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 8 ของประเทศสยามที่มีพระชนมายุ 20 พรรษา ได้ถูกยิงที่ศีรษะและเสด็จสวรรคตอยู่ในห้องบรรทมของพระองค์ในพระที่นั่งบรมพิมาน ภายในพระบรมมหาราชวังในกรุงเทพฯ ตอนเย็นของวันนั้น เจ้าฟ้าชายภูมิพลอดุลยเดชซึ่งเป็นพระอนุชาของพระองค์พระชนมายุ 18 พรรษา ได้รับการสถาปนาให้เป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 9 กษัตริย์ภูมิพลได้ครองราชสมบัติตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ขณะนี้พระองค์ทรงชราภาพและเจ็บป่วยบ่อยครั้ง ทรงเก็บพระองค์เองอยู่ในโรงพยาบาลศิริราชด้านฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งไหลผ่านใจกลางเมืองหลวง แต่พระองค์ก็ยังคงดำรงตำแหน่งพระมหากษัตริย์ของประเทศไทย

* * *
ความเลวร้ายทั้งปวงของไทยและความเสื่อมแห่งจริยธรรมอย่างสูงสุด ก็เริ่มต้นขึ้น ณ วันที่ 9 มิถุนายน 2489 นั่นแล้ว

เมื่อค่ายชนชั้นสูง นำโดยพระบรมวงศานุวงศ์หัวเก่าและพรรคประชาธิปัตย์ได้รวมหัวกันใช้ประโยชน์จากการสวรรคตเพื่อฟื้นคืนอำนาจศักดินา พวกเขาป้ายความผิดปรีดี เพื่อจัดการกับคณะราษฎรและนักการเมืองหัวก้าวหน้าอย่างป่าเถื่อน

และนับได้ว่ามันคือการทำลายระบอบประชาธิปไตยที่เพิ่งมีอายุเพียง 14 ปีไปอย่างเห็นแก่ตัวและโหดร้ายที่สุด