เรื่องประจำเดือนนี่เป็นเรื่องใหญ่เกือบทั้งชีวิตของหญิงเลย
ไม่มาก็จะต้องกังวลว่ากูจะท้องหรือเปล่าวะก่อนมาสองสามวัน มันก็ก็ทำให้กูต้องอยู่กับอารมณ์หดหู่สิ้นหวัง แม่ง! ชีวิตกูช่างไร้ค่า
พอมันหลุดไหลออกมาเท่านั้นล่ะ เฮ้อ! ปัญหาต่างๆ เรื่องเล็ก เดินหน้าลุยต่อ
แล้วกูก็มานั่งบ่นต่อกับสภาวะความรู้สึกมวนไส้มวนท้องกันต่ออีกสองสามวันในช่วงประจำเดือนไหล
อืม! นะ ประจำเดือนส่งผลต่อใจจิตหญิงอย่างน้อยเกือบหนึ่งอาทิตย์ทุกๆ เดือน
บางคนเป็นมากหน่อย อาจจะต้องจัดการกับอารมณ์และผลพวงของการมีประจำเดือนกันถึงครึ่งเดือนในแต่ละครั้งที่มีประจำเดือนเลยทีเดียว
---
ในประเทศเพื่อนบ้านเราในเอเชียเท่าที่เห็น มีญี่ปุ่น เกาหลี ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ที่มีกฎหมายระบุให้คนงานหญิงลาหยุดประจำเดือนได้เดือนละวันหรือสองวัน แจาเมืองไทย ยังไม่ให้บรรจุเรื่องนี้เป็นกฎหมายระดับชาติ และให้ถือการลาปวดประจำเดือน เป็นการลาป่วยทั่วไป
* * *
(2)
* * *
(3)
A sea of people protesting right now in #RiodeJaneiro, #Brazil! Police estimate crowd to be 300,000 (source: http://bit.ly/15ogzp1), but it's probably twice as much! |
นี่เป็นภาพจากกรุงริโอ เดอ จาเนโร ไม่กี่นาทีที่ผ่านมา คลื่นพลังคนหลายแสนคนเนื่องแน่นเต็มท้องถนน!!!
คนบราซิลคงอัดอั้นกันมานาน ได้เวลาประท้วงใหญ่กันสักครั้ง
สู้ สู้
* * *
(4)
ทำวีดีโอเรื่องนี้ไว้นานแล้ว ตั้งแต่เริ่มตัดต่อหนังใหม่ๆ ยังมีปัญหาเรื่องเทคนิคเยอะ แต่อยากเชิญดูฮะ สำหรับคนที่สนใจเรื่องแรงงานและสภาพชีวิตคนงานในประเทศอื่น
เรื่องนี้ฉายให้เห็นภาพชีวิตคนงานลาตินอเมริกาได้เลยฮะ
ดูภาคภาษาอังกฤษ http://vimeo.com/12496883
------------
สารคดีสั้นๆ จากเทปที่ถ่ายทำเพียง 24 ชั่วโมงแห่งการเดินทางไปเยียมชุมชนคนงานภาพเกษตรที่เมือง Ica เมืองผลิตอาหารส่งออก
ความเหลื่อมล้ำในสังคมระหว่าง "คนมีกินจนเหลือเฟือ" กับ "คนไม่มีจะกิน" ที่ลาตินอเมริกานั้นสุดโต่งเกือบทุกประเทศ โดยเฉพาะที่เห็นและสัมผัสได้ด้วยตัวเองใน 4 ประเทศ ได้แก่ เม็กซิโก ปานามา บราซิล และเปรู
ซึ่ง 24 ชั่วโมงที่เปรู นี้สะท้อนภาพเหล่านี้ออกมาให้เห็นได้ระดับหนึ่งทีเดียว ในสภาวะเงื่อนไขทางเทคนิคการตัดต่อ และจากการถ่ายทำโดยมือสมัครเล่น
* * *
ทั้งๆ ที่มีคนงานได้รับผลกระทบเยอะมาก เป็นพันคน และเป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์เกือบตลอด
แต่ท่าทีของกระทรวงแรงงานในการแก้ปัญหาเรื่องนี้กลับเฉี่อยแฉะ และไม่แยแสเลย
อยากให้มีคนขุดให้ลึกถึงสายสัมพันธ์บริษัทจัดหางานส่งคนงานไปลิเบียกับนักการเมืองและข้าราชการระดับสูงที่กระทรวงจริงๆ
รู้สึกว่าเรื่องปัญหาคนงานลิเบียนี่ถ้าขุดจริงๆ เจอตอขบวนการค้าแรงงานข้ามชาติ และพวกกินค่าหัวคิวแรงงานไทยไปต่างประเทศตัวเบ้งแน่ๆ!!!
* * *
(5)
สิ่งที่น่าอายต่อภาพลักษณ์ของประเทศซ้ำสอง คือ การพยายามทำตัวตามเคยชินของวิถีการเมืองผู้ใหญ่อุปภัมภ์แบบไทยๆ ของทูตไทยที่อียิปต์ ที่ตามข้อเขียนของผู้เสียหาย เหมือนกับพยายามเกลื่ยกล่อมผู้เสียหาย ไม่ให้เอาเรื่องเอาราวไปบอกสื่อ เพราะกลัวภาพลักษณ์ของไทยเสียหาย
--------------
"เขาพยายามที่จะสร้างข้อตกลงโดยการขอร้องให้ดิฉันหยุดการให้ข่าวต่างๆ กับทางสื่อมวลชนและหยุดกระบวนการต่างๆ กับพวกนั้น และจะตอบแทนให้ด้วยการให้ตัวเลขานุการเอก เดินทางออกไปจากประเทศในคืนวันนี้และจะทำการสืบสวนเรื่องราวเมื่อเธอเดินทางกลับไปสู่ประเทศไทยแล้ว..."
"ดิฉันตื่นขึ้นมาในตอนเช้า พร้อมกับข่าวชิ้นหนึ่งที่ลงในหน้าเวปไซค์ที่เรียกว่า “nationmultimedia” (หรือเวปของหนังสือพิมพ์เนชั่น) โดยกล่าวว่า คุณคคนางค์ อัมระนันทน์ ได้เดินทางออกจากประเทศอียิปต์แล้วเนื่องจากว่า เธอได้รับการ “ข่มขู่คุกคาม” ดังนั้น เธอจะต้องรีบเดินทางกลับสู่ประเทศไทยเพื่อความปลอดภัยของเธอ"
" ดิฉันขอคาดเดาว่า เรื่องการพูดแบบเคลือบน้ำตาลให้ฟังในเรื่องการเดินทางออกไปนอกประเทศของเธอนั้น มันใช้ไม่ได้อย่างแน่นอนค่ะ"
อ่านรายละเอียด http://thaienews.blogspot.fi/2013/06/blog-post_21.html
----------------
----------------
จากกรณีนี้ ท่าทีของการทูตไทยที่ไม่เคารพกฎหมายของประเทศที่ไปตั้งสำนักงานและมีท่าทีปกป้องเจ้าหน้าที่ที่มีคดีฟ้องร้องแบบนี้ ยิ่งจะสร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศมากขึ้นไปอีก
ข่าวเรื่องเจ้าหน้าที่สถานทูตไทยที่ส่วนใหญ่เป็นลูกท่านหลานเธอ ตระกูลผู้ดีเก่าตกทอดมาตั้งแต่ปลายอยุธยาหรือต้นรัตนโกสินทร์ มีท่าทีที่เหยียดหยามคนงานไทยเวลาไปขอความช่วยเหลือมีให้ได้ยินได้เห็นกันทุกประเทศ (ประสบพบเห็นด้วยตัวเองก็หลายครั้ง)
แต่เมื่อมันถึงขั้นไปอวดเบ่งและทำร้ายคนเจ้าถิ่นที่ไม่ใช่คนงานผิดกฎหมาย แต่เป็นทนายความหญิงเช่นนี้ด้วยแล้ว
เรื่องนี้สมควรที่กระทรวงต่างประเทศจะต้องพิจารณาอบรมลูกท่านหลานเธอ พวกเส้นใหญ่ทั้งหลายกันบ้างแล้ว และควรจะมีเจ้าหน้าที่จากส่วนกลาง ที่ซื่อตรงเข้าไปจัดการสอบสวนกรณีนี้อย่างตรงไปตรงมา และเคารพกฎหมายของประเทศเจ้าบ้านด้วย
ข่าวเรื่องเจ้าหน้าที่สถานทูตไทยที่ส่วนใหญ่เป็นลูกท่านหลานเธอ ตระกูลผู้ดีเก่าตกทอดมาตั้งแต่ปลายอยุธยาหรือต้นรัตนโกสินทร์ มีท่าทีที่เหยียดหยามคนงานไทยเวลาไปขอความช่วยเหลือมีให้ได้ยินได้เห็นกันทุกประเทศ (ประสบพบเห็นด้วยตัวเองก็หลายครั้ง)
แต่เมื่อมันถึงขั้นไปอวดเบ่งและทำร้ายคนเจ้าถิ่นที่ไม่ใช่คนงานผิดกฎหมาย แต่เป็นทนายความหญิงเช่นนี้ด้วยแล้ว
เรื่องนี้สมควรที่กระทรวงต่างประเทศจะต้องพิจารณาอบรมลูกท่านหลานเธอ พวกเส้นใหญ่ทั้งหลายกันบ้างแล้ว และควรจะมีเจ้าหน้าที่จากส่วนกลาง ที่ซื่อตรงเข้าไปจัดการสอบสวนกรณีนี้อย่างตรงไปตรงมา และเคารพกฎหมายของประเทศเจ้าบ้านด้วย
เมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว (13 มิถุนายน) ภรรยาของผมได้ถูกทำร้ายอย่างเหี้ยมโหดโดยนักการทูตที่มึนเมาเหมือนคนบ้าคลั่ง ในขณะที่อยู่ในงานราตรีที่โรงแรมเคมพิงสกี้ ใน กรุงไคโร (ประเทศอียิปต์)
ฟังข้อความอีกด้านหนึ่งจากคู่กรณีจากอียิปต์แล้วเห็นหน้านักการทูตไทยคนนี้เป็น "คนสลิ่มมาก" คลั่งเจ้า ไปได้อย่างไรไม่รู้นะ ... ขอโทษฮะ ถ้าความเห็นจะอคติกับสลิ่มคลั่งเจ้าไทยไปหน่อย!