7 ก.ย. 13 (2)


แอบไปเห็นอันนี้มา สงสารพวกกบในกะลาจริงๆ ฮะ ...

XXX:
เมื่อไม่รู้คุณแผ่นดิน ถึงโลกนี้จะกว้างใหญ่ก็ไม่มีที่สำหรับคุณหรอกครับ
Junya Lek Yimprasert:
ช่างไม่รู้อะไรเลยจริงๆ นะว่า จรรยาเดินทางไปได้ทุกที่ และไปมาแล้วกว่า 40 ประเทศ

โลกนี้มีพื้นที่เสมอให้กับคนต่อ
สู้เพื่อความยุติธรรม แต่ไม่มีพื้นที่ให้กับคนละเมิดสิทธิมนุษยชน 


* * *

ตอนนี้โควต้าเพื่อนกูจะเต็มแล้ว การ unfriend จรรยา ทำได้ง่ายมากเลยนะฮะ

จะได้เปิดรับคนที่ต้องการมาเป็น
เพื่อนร่วมอุดมการณ์คนอื่นๆ เพื่อมาทดลองเป็นเพื่อนกูได้เพิ่มขึ้น

แต่จะกลับใจขอแอดกูมาใหม่นี่ทำไม่ได้แล้วนะฮะ? 

* * *

XXX ขออนุญาต unfriend นะคะ

Junya Lek Yimprasert ตามสบายฮะ ขอเป็นเพื่อนมาเอง เมื่อรู้สึกว่าการเมืองไม่ตรงกันก็เชิญ unfriend ตามสะดวกนะฮะ ขอบคุณที่มาบอกกัน
* * *

7 ก.ย. 13 - คนงานเก็บแบอร์รี่ที่ฟินแลนด์

จ๊ากกกกกกก!!!!!

คนงานเก็บเบอร์รี่เริ่มเจอปัญหาแล้ว
ฟังจากคนงาน รู้สึกว่าปีนี้มีปัญหาเยอะมากทั้งที่สวีเดนและฟินแลนด์

เตี้ยอุ้มคร่อมอย่างกูจะตามไปช่วยเหลือได้ยังไงวะเนี่ย?

* * *

สั้นๆ เรื่องคนงานเก็บเบอร์รี่ชาวไทยที่ฟินแลนด์ แค่นี้ก่อนนะฮะ

ราคาเบอร์รี่ที่บริษัทพาคนมาเก็บรับซื้อจากคนเก็บเบอร์รี่ชาวไทยปีนี้ต่ำมากกว่าทุกปี
แต่ราคาเบอร์รี่ในท้องตลาดแพงมาก

คนงานที่โทรมาขอความช่วยเหลือเล่าว่า

หมากดำ (blueberry) ที่ทุกปีที่ผ่านมาราคารับซื้อกว่า 2 ยูโรต่อกิโล ปีนี้รับซื้อจากคนเก็บกันที่เพียง 1.4 ยูโร (และไม่มีให้เก็บด้วย)
หมากแดง (cranberry, lingonberry) ที่เคยราคากว่า 1 ยูโร ปีนี้จะถูกกดต่ำลงมาต่ำกว่า 1 ยูโรต่อกิโล

ค่าใช้จ่ายเดินทางมา 68,000 บาท
ค่าใช้จ่ายอยู่กินและค่าน้ำมันที่จะต้องจ่ายที่นี่อีกร่วม 70,000 บาท

ตอนนี้เขาเพิ่งเก็บได้เพียง 500 กก. หรือคิดเป็นเงินไทยเพียง 28,000 บาท
เหลือเวลาอีกเพียง 24 วัน เขาจะต้องเก็บให้ได้วันละไม่ต่ำกว่า 5,000 บาท ถึงจะพอจ่ายค่าใช้จ่าย (ไม่มีทางทำได้เด็ดขาด เพราะคนฟินน์เองก็บอกว่าปีนี้ไม่มีเบอร์รี่มากเหมือนปีที่แล้ว)

ที่เป็นเช่นนี้ คิดว่าพวกพ่อค้าเบอร์รี่ชาวฟินน์และสวีเดน เห็นคนไทยหลั่งไหลมากันราวเป็นแรงงานฟรี และรัฐบาลไทยก็ไม่เคยใส่ใจแก้ปัญหาอย่างจริงจัง แม้จะรับรู้ปัญหากันมาตลอด ก็เลยยิ่งย่ามใจ ไม่ต้องดูแลคนงานไทยกันเลย

ปีนี้เสียหายกลับเมืองไทยกันเยอะแน่ๆ แต่รู้สึกว่าคนไทยทำงานฟรีให้นายหน้าชาวไทยกินค่าหัวคิว และทำกำไรให้บริษัทเบอร์รี่ที่ฟินแลนด์และสวีเดนกันมาหลายปี คนไม่ยอมกันง่ายๆ อีกแน่ๆ อาจจะประท้วงร้องเรียนกันทั้งในสวีเดนและฟินแลนด์ก็ได้

จะพยายามเกาะติดและดำเนินการช่วยเหลืออย่างเต็มกำลังความสามารถ
* * * 
 


เรื่องหนึ่งที่เป็นความด้อย (อาจจะเพราะเรื่องภาษาและการปิดกั้นของพวกนายจ้างด้วย) ของคนงานไทยเวลาไปทำงานต่างประเทศ คือ

ไม่รู้กฎหมายคุ้มครองแรงงานของประเทศที่เข้ามาทำงานเลย ซึ่งในเกือบทุกประเทศมีกฎหมายคุ้มครองที่ครอบคลุมคนงานต่างชาติด้วย

กรณีคนงานเก็บเบอร์รี่ก็เช่นกัน

ที่สวีเดน พวกเขาได้รับกาคุ้มครองตามกฎหมายแรงงานของสวีเดนอย่างเต็มที่ เพราะมาในฐานะคนงาน กรณีเจอปัญหาอะไร จึงสามารถขอความช่วยเหลือจากทางการสวีเดนได้ทันที

ในส่วนคนงานเก็บเบอร์รี่ที่ฟินแลนด์
แม้ว่าจะมาในฐานะ "นักท่องเที่ยวเก็บลูกแบร์รี่ได้" แต่เนื่องจากมีความเสียหายจนรัฐบาลฟินแลนด์ก็ถูกกดดันให้ออกมาตรการช่วยเหลือบ้าง แม้ไม่ยอมรับเป็นคนงานก็ตาม

ทางฟินแลนด์จึงออกกฎตั้งแต่ปีที่แล้วว่า บริษัทฟินแลนด์ที่พาคนมาเก็บแบร์ (บริษัทไทยทำไม่ได้ ต้องเป็นบริษัทฟินน์ที่ได้รับอนุมัติโควต้าพาคนมาเก็บแบร์จากทางการฟินแลนด์เท่านั้น...ซึ่งปีนี้มี 17 บริษัท และจำนวนคนเก็บแบร์รี่ที่ฟินแลนด์เพิ่มมากขึ้นกว่าทุกปีจนแตะ 4,000 คน

จะต้องรับประกันว่าคนเก็บแบร์จะได้เงินไม่ต่ำกว่าวันละ 30 ยูโร หลังจากหักค่าใช้จ่าย(ที่ฟินแลนด์) แล้ว

ซึ่งเรื่องนี้กลุ่มคนงานที่คุยด้วยไม่รู้เลย

ดังนั้นปัญหาตอนนี้ที่ได้รับฟังมาคือ

เมื่อคนงานประท้วง บริษัททั้งในสวีเดนและฟินแลนด์ จะพยายามให้เรื่องเงียบที่สุด และอย่างรวดเร็ว เจรจาส่งคนงานกลับไทย (ให้ไปรับปัญหาหนี้สินกันเอาเอง) เพราะไม่อยากให้เป็นข่าว ไม่อยากถูกตรวจสอบจากรัฐบาลที่นี่ และไม่ต้องการจ่ายเงินเดือนและเงินประกันต่างๆ จนถึงสิ้นฤดูกาล

ดังนั้นเมื่อคนเก็บแบร์รี่ ไม่รู้กฎหมาย ไม่สามารถต่อรองผลประโยชน์ได้ ก็จะเสียเปรียบ ถูกส่งกลับเมืองไทย - ต้องมาทำงานฟรี และยังต้องกลับไปใช้หนี้ต่อด้วย

ดังนั้นคำแนะนำตอนนี้คือ ถ้าใครมีญาติพี่น้องที่เดินทางมาเก็บแบร์รี่ที่สวีเดนและฟินแลนด์ฝากบอกด้วยฮะ ...

ขอให้คนงานรวมตัวต่อรองให้ถึงที่สุด อย่ายอมถูกส่งกลับอย่างเสียหายเหมือนทุกปีที่ผ่านมา

คนงานที่สวีเดนมาในวีซ่าทำงาน 2 เดือนครึ่ง จึงมีสิทธิ์ได้รับเงินเดือนตราบใดเท่าที่ยังอยู่ในสวีเดน ... ก็ยืนยันจะอยู่ให้ครบตามกำหนดฮะ อย่ายอมถูกส่งกลับ เพราะจะได้เงินเดือนเฉพาะจนถึงวันที่ถูกส่งกลับ ... ซึ่งแน่นอนว่าไปใช้หนี้ต่อแน่นอน

ส่วนคนงานที่ฟินแลนด์ ก็เช่นกันฮะ ขอให้อย่ายอม เพราะเก็บได้หรือไม่ได้ ก็เก็บไปเรื่อยๆ ...

ถ้าเก็บผลไม้ไม่ได้จริงๆ อย่างน้อยก็อาจจะกลับไทย แม้ว่าไม่ได้เงินอย่างที่คาดหวัง แต่ก็อาจจะมีเงินไปใช้หนี้ที่ยืมมา ถ้ารวมตัวต่อรองเรื่อง 30 ยูโรต่อวันได้สำเร็จ

และถ้าต้องการคำแนะนำหรือการช่วยเหลือประสานนักข่าวหรือนักสหภาพแรงงานจากทั้งสวีเดนและฟินแลนด์ ให้เข้าไปช่วยเหลือ ก็แจ้งมาที่จรรยา ได้ตลอดเวลานะฮะ

พร้อมให้ความช่วยเหลือคนเก็บแบร์รี่ทุกคน เพราะไม่อยากทนเห็นการเอารัดเอาเปรียบคนเก็บแบร์รี่โดยคนงานไม่สู้เพื่อสิทธิเลย

ถึงเวลาที่คนเก็บแบร์รี่ชาวไทยจะต้องฉลาดได้แล้วฮะ

* * * 

6 ก.ย. 13

การประท้วงเรียกร้องให้สหรัฐหยุดโจมตีซีเรีย ... 

Hands off Syria.

หน้าทำเนียบรัฐบาลฟินแลนด์
In front of Finland's Parliament House

5 กันยายน - 5 September 2013
Helsinki, Finland
 
 

* * *

112 = 0

112=ศูนย์ (สูญเสียสำหรับผู้ใช้)
สูญเสียความน่าเชื่อถือ
สูญเสียชื่อเสียง
สูญเสียมวลมิตร
สูญเสียงบประมาณแผ่นดินโดยไม่จำเป็น

112=0 หน้าทำเนียบรัฐบาลฟินแลนด์
ระหว่างร่วมประท้วงเรียกร้องสหรัฐหยุดโจมตีซีเรีย "Hands off Syria!"

* * *

Don't know what to cook for my friends this morning. 
Here is the result, Vegan Fries, with sweet potato, banana and onion. 
With Thai dressing, it's work and we all enjoy.

ไม่รู้จะทำอะไรเลี้ยงเจ้าบ้านดีเช้านี้ มีกล้วยหักมุก 2 ลูก มันเทศครึ่งหัว และหัวหอมอยู่สองสามหัว ... ก็เลยตัดสินใจเอามาทอด โดยหันเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วนำมาคลุกกับแป้งสาลีที่

ผสมเกลือและพริกไทจนเข้ากันแล้ว ... แล้วลงทอด ... อืม ไม่อมน้ำมันแฮะ

และก็ทำน้ำจิ้มมันทอดแบบไทยให้จิ้มทานกันเป็นอาหารเช้า

ท่าทางจะเป็นเมนูอาหาร ยามอับจนอุปกรณ์ในตู้เย็นที่ใช้ได้อีกเมนูหนึ่งฮะ
 * * *

การทำอาหารและการอ่านหนังสือ เป็นกิจกรรมที่ผ่อนคลาย และป้องกันความเครียดได้ดี ในระหว่างรออะไรหลายเรื่องโดยที่ไม่สามารถทำอะไรได้มาก และไม่มีสมาธิจะเริ่มเขียนอะไรแบบเป็นเรื่องเป็นราว

Cooking and reading are good recipes for relaxation.
 * * *
 

ข่าวสดออนไลน์  วันที่ 06 กันยายน พ.ศ. 2556

เปิดข้อมูลเปรียบเทียบรายได้ของเกษตรกร "ข้าว" กับ "ยางพารา"
พบเกษตรกรปลูกข้าว 3.7 ล้านครัวเรือนมีรายได้เพียง 4,315 บาท/ไร่/ปี ขณะที่ชาวสวนยาง 1.5 ล้านครัวเรือน มีรายได้ 17,040 บาท/ไร่/ปี
 
จากกรณีที่มีผู้พยายามจะนำตัวเลขงบประมาณ โครงการรับจำนำข้าวมาเปรียบเทียบกับเงินงบประมาณที่ใช้ในการแก้ไขปัญหาราคายางพาราก่อนหน้านี้ โดย กรมการข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) พบว่า มีจำนวนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวมากถึง 3,728,542 ครัวเรือน ส่วนเกษตรกรผู้ปลูกยางพารา มีจำนวน 1,568,997 ครัวเรือน  โดยใน 1 ครัวเรือนที่ปลูกข้าวจะมีสมาชิกโดยเฉลี่ยมากถึง 4.10 คน/ครัวเรือน ส่วนผู้ปลูกยางพาราจะเฉลี่ย 3.69 คน/ครัวเรือน
 
นอกจากนี้ในส่วนของผลผลิต ปรากฏว่าข้าวมีผลผลิต 36.576 ล้านตัน ซึ่งแตกต่างกับผลผลิตยางพาราที่มีประมาณ 3.567 ล้านตัน ขณะที่ข้าวมีราคา 11,560-20,000 บาท/ตัน แต่ยางพารามีราคาสูงถึง 87,070 บาท/ตัน  โดยข้าวที่ผลิตได้มีมูลค่าทั้งสิ้น 515,994 ล้านบาท ส่วนยางพาคามีมูลค่า 310,606 ล้านบาท 

ซึ่งทำให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวมีรายได้ 138,377 บาทต่อครัวเรือน ขณะที่เกษตรกรผู้ปลูกยางพารา มีรายได้กว่า 197,968 บาทต่อครัวเรือน 

และเมื่อเฉลี่ยออกมาแล้วจะพบว่า เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ซึ่งมีจำนวนมากนั้นมีรายได้ 4,315 บาท/ไร่/ปี ขณะที่เกษตรกรผู้ปลูกยางพารา มีรายได้สูงถึง 17,040 บาท/ไร่/ปี 
------------------

ไม่เข้าใจว่าการเปรียบเทียบแบบนี้จะมีประโยชน์อะไร


เพราะทั้งเกษตรกรข้าวหรือเกษตรกรยางพาราก็คือเกษตรกรที่อยู่ผลิตสินค้าที่สร้างรายได้ให้กับชาติทั้งสองด้าน และต้องได้รับการดูแลเช่นกัน

น่าตกใจที่ประเด็นเรื่องการต่อสู้เรื่องราคายาง ถูกตีประเด็นและวิจารณ์อย่างแบ่งแยกและแยกขั่วเกษตรกรข้าวกับยางพาราออกจากกันไปได้

ทั้งๆ ที่ไม่ว่าเกษตรข้าว อ้อย ข้าวโพด ข้าวเหนียว หรือยางพารา ต่างก็เป็นผู้ที่มีสิทธิจะเรียกร้องและต่อรองกับรัฐบาลในการดูแลช่วยเหลือได้เท่ากันทั้งนั้น

จริงๆ แล้ว พวกเขาควรจะมีสหภาพเกษตรกรของพวกเขาเพื่อใช้ต่อรองกับรัฐบาล

การเอาการเมืองเรื่องพรรค มาแบ่งแยกคนที่ทำการผลิตที่จำต้องได้รับการดูแลจากรัฐออกจากกัน ไม่ใช่การแก้ปัญหาในชาติ และเป็นการบิดเบือนประเด็นที่จะเห็นปัญหาหรือเปิดให้ถกปัญหาอย่างแท้จริง

ไม่ว่ากลุ่มเกษตรกรยางพาราจะได้การหนุนจากประชาธิปัตย์อย่างไร

การจัดการตามกระบวนการสากลในการสอบสวนความรุนแรงต่างๆ ที่เกิดขึ้นก็ให้ทำไปตามกฎหมายที่ไม่มีการเลือกปฏิบัติและไม่ขัดกับสิทธิและเสรีภาพในการชุมนุมต่อรอง

การเปิดเจรจาเป็นสิ่งจำเป็น และรัฐบาลก็ได้ทำแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องน่าชื่นชม

ขอนอกเรื่องนิดหนึ่ง

สื่อไทยมักจะมีจริตแห่งคนเมืองที่อยู่ภายใต้การเมือง "แบ่งแยกและสลายขั้ว" มายาวนาน การเขียนข่าวจึงมักจะเขียนแบบจริตคนเมือง คนที่ไม่เคยใช้สิทธิการต่อรองร่วม และไม่มีความรู้เรื่อง "กระบวนการต่อรอง" ของคนผลิตหรือคนงาน

ซึ่งก็ไม่น่าแปลก เพราะทุนไทยต้านสหภาพแรงงานอย่างหนัก

หนังสือพิมพ์ทุกแห่งก็ต้านคนทำสื่อตั้งสหภาพแรงงานอย่างหนักเหมือนกัน จนทำให้สัดส่วนสมาชิกสหภาพรแงงานไทยต่อจำนวนประชากรในวัยกำลังงานจึงมีเพียงห้าแสนกว่าคน หรือ 1.3% ของกำลังแรงงานทั้งประเทศ 40 ล้านคน

* * *

ขออธิบายอีกรอบ

เรื่องนี้ไม่ใช่การเข้าข้างเกษตรกรยางพารา แต่พยายามแลกเปลี่ยนจากมุมมองนั

กสหภาพแรงงานที่ต่อสู้เพื่อสิทธิการรวมตัวต่อรองไม่ว่าจะคนงาน เกษตรกร หรือคนงานต่างชาติ

ขอยกสถิติจากข่าวสดที่อ้างถึงไปแล้วมาพูดถึงอีกครั้ง

"ซึ่งทำให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวมีรายได้ 138,377 บาทต่อครัวเรือน ขณะที่เกษตรกรผู้ปลูกยางพารา มีรายได้กว่า 197,968 บาทต่อครัวเรือน" (http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNM09EUTFOamswTmc9PQ%3D%3D&subcatid)

เกษตรกรข้าวมี 3.73 ล้านครอบครัว
เกษตรยางมี 1.57 ล้านครอบครัว
(จำนวนเยอะทั้งสองการผลิต)

ในขณะที่ จำนวนคนในครอบครัวจะอยู่ที่ไม่ต่างกันมากคือเกษตรกรยาง 3.7่ คน/ครอบครัว และเกษตรกรข้าว 4.1 คน/ครอบครัว

แต่จากการนำเสนอในโลกเฟซบุ๊คและในสื่อไทย
ดูราวกับว่า สังคมไทยกำลังจะบอกว่า เกษตรกรยางพาราผิด ที่มีรายได้สูงกว่าเกษตรปลูกข้าว

ทำไมเราไม่พูดว่าจะทำอย่างไรให้เกษตรกรปลูกข้าวมีรายได้สูงเท่าเกษตรกรปลูกยางพาราหรือจะมีอาชีพเสริมหรือการหนุนเสริมอย่างไรจากรัฐให้มีรายได้เท่ากับเกษตรกรยางพารา

แม้อาจจะดูว่าเกษตรกรยางพารามีรายได้เฉลี่ยกว่าเกษตรปลูกข้าวสูงกว่าอยู่ปีละ 50,000 กว่าบาท

กระนั้นก็ตาม จริงๆ แล้วรายได้ของทั้งคู่ก็ยังถือว่าต่ำมาก เมื่อเทียบกับจำนวนคนในครอบครัวและที่สำคัญยังต่ำกว่าค่าจ้างขั้นต่ำต่อเดือนที่รัฐบาลวางไว้สำหรับคนทำงานด้วยซ้ำ (แม้ว่าเกษตรยางพาราจะมีรายได้สูงกว่าเกษตรปลูกข้าวก็ตาม)

เพราะเมื่อคำนวณเฉลี่ยต่อหัวแล้ว
เกษตรกรยางมีรายได้เฉลี่ยปีละ 197,968 บาท/ครัวเรือน หารด้วย 3.7 คน หารด้วย 12 เดือน ก็จะตกที่คนละเพียง 4,459 บาท ต่อคนต่อเดือนเท่านั้น

ส่วนเกษตรกรข้าวมีรายได้ปีละ 138,377 บาท/ครัวเรือน หารด้วย 4.1คน หารด้วย 12 เดือน ก็จะมีรายได้เพียง 2,813 บาท ต่อคนต่อเดือนเท่านั้น

แน่นอนรายได้เกษตรกรปลูกข้าวจากตัวเลขนี้ต่ำจนน่าใจหาย

ดังนั้นเรื่องข้าวกับยางพาราจึงไม่ใช่เรื่องราคาต่อตัน เพราะผลผลิตเชิงปริมาณนั้นเทียบกันไม่ได้ แต่ต้องดูในภาพรวมว่า ทั้งสองกลุ่มยังมีรายได้เฉลี่ยต่อหัวต่ำอยู่มาก และต่ำกว่าอัตราค่าแรงขั้นต่ำอยู่มากถึงสองถึงสามเท่าตัว

ประเด็นเรื่องนี้ จึงไม่ใช่ปรักปรำเกษตรกรปลูกยางพาราว่า "ไม่รู้จักพอ" และบอกว่า "เกษตรปลูกข้าว" "รู้จักพอมากกว่า" เพราะแน่นอนว่า "เกษตรกรปลูกข้าว" ก็บอกว่ารายได้ของตัวเองนั้นไม่พอเช่นกัน

แต่ควรเป็นเรื่องที่รัฐจะวางแผนให้เกษตรกรทั้งประเทศในทุกการผลิต กว่า 5-6 ล้านครอบครัว ที่มีประชากรกว่า 30 ล้านคน สามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้อย่างไร?

* * *

ช่วงเล่นเฟซบุ๊คใหม่ๆ แบบเข้มข้นหลังตัดสินใจไม่กลับไทยเมื่อมิถุนายน 2553 นั้น ใจมักจะตุ่มต่อมหน่อยๆ เวลาโพสต์ประเด็นแรงๆ กลัว feedback แล้วไม่สามารถตอบโต้ด้วยเหตุผลไ

ด้ -กลัวเหมือนกันนะฮะไม่ใช่ไม่กลัวอะไรเลย ...อิ อิ

ผ่านมา 3 ปี ภาวะอาการใจตุ่มๆ ต่อมๆ หายไปเยอะ

ในแง่หนึ่งเฟซบุ๊คก็เป็นโรงเรียนฝึกการอ่าน จับประเด็น และการเขียนวิจารณ์และตอบโต้ได้อย่างดีระดับหนึ่งเหมือนกัน และเห็นทั้งข้อผิดพลาดของตัวเอง ทำให้ต้องระวังมากขึ้นด้วยเช่นกัน

การฝึกเขียนและฟังเสียงสะท้อนหรือดูเสียงสะท้อนผ่านเฟซบุ๊คนี่เร็วกว่าการจะผลิตหนังสือออกมาแต่ละเล่มมากๆ ทีเดียว

ใครรู้สึกแบบเดียวกันบ้างเอ่ย? 

* * *

ยินดีด้วยจ๊ะอั้มและนักศึกษารุ่นใหม่ ที่แคมเปญนี้ทำเอาสะดุ้งกันไปได้ ...
ขอให้เมืองไทยเลิกระบบชุดนักเรียนนักศึกษาทุกระดับชั้น โดยเร็วที่สุด

มั่นใจนักเรียนนักศึกษาไทยไม่เอาชุดนักเรียน-ชุดนักศึกษา
* * *

จับคดี 112 คนหนึ่งนี่ มันราวกับจับอาชญากรร้ายฆ่าคน 100 ศพหรือไงฮะ ถึงขนตำรวจไปกันมากมายขนาดนี้ ...

ตำรวจไทยไม่มีงานอื่นทำกันเลยหรือไงฮะ นอกจากการแสดงความจงรักภักดีอย่างล้นเกินเช่นนี้
"คุณ เคนจิ ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตามไปจับถึงบ้านที่สมุทรปราการ โดยตำรวจนำกำลัง 10 คันรถ 200 กว่านายเข้าไปจับ"


A new case of LM 112.

On 30 August 2013, a cyber user name 'Kenji' was ambushed at his home by 200 polices in 10 cars. He was arrested as well as his computer and some documents were seized. After police's interrogation, he was sent to Bangkok Remand Prison.

He pledge guilty saying that in order for his case to settle as soon as possible.

กรณี 112 ล่าสุดฮะ คดี ที่คุณเคนจิโดน คือ คดี 112 และผิด พรบ. คอมฯ
"คุณ เคนจิ ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตามไปจับถึงบ้านที่สมุทรปราการ โดยตำรวจนำกำลัง 10 คันรถ 200 กว่านายเข้าไปจับคุณเคนจิเมื่อวัน ศุกร์ ที่ 30 ส.ค. 2556 แล้วนำตัวมาสอบสวนที่ สภ. สมุทรปราการ จากนั้น ก็นำมาฝากขัง ไว้ที่เรือนจำพิเศษ กรุงเทพฯ เมื่อวันเสาร์ที่ 31 สิงหาคม 2556 พร้อมทั้งยึดเครื่องคอมและเอกสารที่เีกี่ยวข้องไปตรวจ สอบด้วย"



อ่านรายละเอียด "ถามหาคุณเคนจิ....อยู่ไหนเพื่อนกลับบ้านหน่อย"

5 ก.ย. 13


Spicy Vegan Vermicelli and Tofu Salad. Cooking for friends.
Anyone want Thai food to be delivered, please raise your hands.

ยำวุ้นเส้นเต้าหู ทำให้เพื่อนๆ ทานวันนี้
เปิดร้านอาหารเจ น่าจะรุ่งเนาะ
ถ้าทางจะมีคู่แข่งน้อย .. อิ...อิ
* * * 
* * *

เลิกเหยียดกันเอง หรือมัวแต่ก้มหน้าดูดิน เรามาแหงนหน้าดูคนเล่นการเมืองเบื้องบนกันบ้างเถิด

จรรยายิ้มประเสริฐ
5 กันยายน 2556


การเหมารวมความเป็นคนในชาติ เผ่าพันธุ์ กันไว้แบบหลวมๆ นั้นมีกันอยู่ทั่วโลก แต่ถ้าได้เปิดใจพบปะกับผู้คนจากหลากหลายเชื้อชาติหลากหลายเผ่าพันธุ์หลากหลายความคิด ความเชื่อ ภาษา ทั้งมีศาสนาหรือไม่มีศาสนา ไม่ว่าจะมีระบบการเมืองแบบประธานาธิบดีเป็นผู้นำสูงสุด นายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำสูงสุดหรือ กษัตริย์เป็นผู้นำสูงสุด และไม่ว่าจะสูง ต่ำ ดำ ขาว ร่ำรวยหรือยากจน และไม่ว่าจะอีกต่างๆ นาๆ 

จากการประสบพบเห็นด้วยตัวเอง เราจะพบว่าในความเป็นมนุษย์ ผู้คนจำนวนมากกว่านั้นน่ารัก มีน้ำจิตรน้ำใจให้กันได้เสมอและเราอาจจะได้รับการหยิบยื่นน้ำใจไม่ต่างกันเลยไม่ว่าจากคนร่ำรวยหรือคนยากจน จากคนเหนือหรือคนใต้ ตะวันออกหรือตะวันตก คนคริสต์อิสลาม พุทธ หรือ ฮินดู และไม่ว่าจะพูดลาว เขมร พม่า ตากาล็อก บาฮาซาร์ ไทย อังกฤษ เยอรมัน ฝรั่งเศส สเปน รัสเซีย หรืออาหรับ ฯลฯ  

แต่เมื่อความเป็นมนุษย์ต้องระบุอัตลักษณ์ของแต่ละคนที่ยาวขึ้นเรื่อยๆทั้งเพศ เชื้อชาติ ศาสนาภาษา ชนชั้น การศึกษา ภูมิภาคหรือจังหวัด และกลายเป็น "ประชาชนพลเมือง" ที่เป็นผู้มีความหมายทางการเมืองในทางตัวเลขผู้ลงคะแนนเสียงในเขตแดนแว้นแคว้นหรือในประเทศนั้นๆ

ในประเทศที่การแข่งขันระหว่างค่ายการเมืองดุเดือดการเมืองจะสลายความเป็น"มนุษย์ที่แตกต่าง"และจัดตั้ง "มนุษย์มวลชนพรรค" ที่มีความคิดความเชื่อเดียวกันกับพรรค เมื่อเป็นเช่นนี้ การเมืองก็ส่งผลให้มนุษย์จากต่างค่ายต่างพรรคแยกห่างจากกัน ไม่ได้ถูกส่งเสริมให้พยายามทำความรู้จักหรือเดินทางไปมาหาสู่เพื่อเรียนรู้ระหว่างกัน ทำให้ไม่เห็นกันและกันอย่างปัจเจก และจะเห็นกันและกันก็อย่างเหมารวม"ตามจริต"ของพรรคการเมืองที่สังกัด

หนักขึ้นไปอีกในประเทศที่มีนอกจากการเมืองจะแข่งขันกันแบบเอาเป็นเอาตายแล้วยังมีการแข่งขันกันอย่างเอาเป็นเอาตายระหว่างขั้วอำนาจเบื้องบนอาทิ ประเทศไทย"ระหว่างค่าย "สถาบันประมุขสมมุติเทพ" กับค่าย "นายกรัฐมนตรีเลือกตั้ง"เพื่อสร้างสันติภาพระหว่างเบื้องบนรัฐบาลจากการเลือกตั้งนำมวลชนของพรรคตัวเองใส่พานถวายสถาบันพระประมุขในนาม"ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข"

ในสภาพเช่นนี้-การเมืองที่ต่อรองอำนาจเบื้องบนอย่างสูงทั้งระหว่างค่ายการเมืองเลือกตั้งกับค่ายการเมืองจากชาติกำเนิดและระหว่างค่ายการเมืองเลือกตั้งด้วยกันเอง-ความเป็นมนุษย์ถูกทำให้เหลือเป็นเพียงฝุ่นผง"ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท" ซึ่งยิ่งทำให้ความสวยงามของมนุษย์ในฐานะปัจเจกบุคคลถูกลบเลือนหายไปสิ้น อย่าพูดถึง "ความเป็นมนุษย์"เลยแม้แต่ความเป็น"ประชาชน"ก็แทบจะไม่มีความหมายใดในสภาพการเมืองเช่นนี้

ดังนั้นเราท่านเอ๋ย อย่าโกรธเลยถ้าฟังคนใต้บอกทำนองว่า"เราต้องใช้เงินมากกว่าคนอีสานเพราะเราต้องกินอาหารหลากหลายชนิดกว่าคนอีสาน" และก็อย่าโกรธเลย"ถ้าคนอีสานลุกขึ้นมาตอบโต้"

ทั้งนี้ไม่ว่าจะภาคอีสาน หรือ ภาคใต้ต่างก็ถูกทำให้โดดเดี่ยวจากกันและกันแม้มีภาษาและท่วงทำนองการใช้ภาษาที่แตกต่างกันแต่ไม่เคยบรรจุในแบบเรียนให้ได้เรียนรู้กันเพราะทุกภูมิภาคใน "ราชอาณาจักรไทย"อยู่ภายใต้นโยบายหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวเพื่อร่วมกันปกป้อง"ชาติศาส์น(พุทธ)และกษัตริย์" (อ้อ และในนาม "ความเป็นไทย" ที่ถูกแต่งสร้างขึ้นมาเมื่อไม่นาน) 

ด้วยเหตุนี้ ความเป็นภูมิภาคจึงถูกสลายมาอย่างต่อเนื่องและยาวนานภายใต้นโยบายรวมศูนย์การศึกษาการปกครอง วัฒนธรรมไทย และการบริหารบ้านเมืองที่กำกับและสั่งการจากยุทธวิธีการเมือง "แบ่งแยกเพื่อปกครอง" ที่กำกับจาก "กรุงเทพมหานครอมรรัตนโกสินทร์  มหินทรายุธยามหาดิลกภพ นพรัตนราชธานี บุรีรมย์อุดมราชนิเวศน์ มหาสถานอมรพิมาน อวตารสถิตย์ สักกะทัตติย วิษณุกรรมประสิทธิ์"

หลายสิบปีที่ผ่านมาเราคนภาคเหนือกว่าภาคใต้ จะเหมารวมภาคใต้ว่าเป็นภูมิภาคที่"อันตราย"“คนโหด"โดยลืมนึกไปว่าคนที่อยู่ในภาคใต้จะกลายเป็นคนที่"เสี่ยงอันตราย"แค่ไหนภายใต้การบังคับรวมศูนย์ที่ยังไม่สงบสันติ

กระนั้นเราท่านต่างก็เรียนรู้กันมากขึ้นเรื่อยๆไม่ใช่หรือว่า ที่ภาคใต้อันตรายไม่ใช่เพราะมีชาวมุสลิมอาศัยอยู่ แต่เพราะการเมืองครอบครองเขตแดนในภาคใต้กับภาคเหนือที่มีมาต่อเนื่องยาวนานนับพันปีเป็นปมปัญหาที่คาราคาซังที่ต้องพิจารณาด้วย 

ประจักษ์พยานแห่งความโหดร้ายที่คนในภูมิภาคนี้ถูกกระทำอันเนื่องจากสงครามและการปราบปรามเพื่อครอบครองดินแดนอย่างโหดร้ายจากรัตนโกสินทร์และในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมาจาก "สงครามต้านคอมมิวนิสต์และการแบ่งแยกดินแดน" ซึ่งส่งผลให้คนใต้ไม่ว่ามุสลิมหรือพุทธทหารหรือพลเรือน คนร้ายหรือคนบริสุทธิ์ ถูกพรากชีวิตกว่าหมื่นคน  

จึงยากยิ่งนักที่จะตัดสินความเป็นคนใต้ง่ายๆ และก็เช่นเดียวกัน มันก็ยากยิ่งนักที่จะตัดสินความเป็นคนเหนือ คนอีสาน คนตะวันออก หรือคนตะวันตก  (หรือเพราะเป็นพม่า ลาว เขมร เวียดนาม จีน แขก ฯลฯ)  ยิ่งเมื่อถ้าเราเปิดใจเรียนรู้ ก็จะเห็นร่องรอยแห่งการเจ็บปวดจากการถูกบังคับให้น้อมรับและปฏิบัติตามนโยบายการเมืองรวมศูนย์ด้วยแนวคิดเชิงเดี่ยว "One Size Fit All"

และเมื่อความสับสนและความไม่รู้จักกัน ถูกทำให้ซับซ้อนยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อมนุษย์ในแต่ละภูมิภาคภาคถูกจัดตั้งเป็น "มวลชน" ฐานเสียงของพรรคการเมืองต่างๆ 

การเดินทางพบปะผู้คนในประเทศไทยร่วม70 จังหวัดกับคนต่างชาติในกว่า 40 ประเทศในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ทำให้ผู้เขียนต้องฉุกคิดและต้องคิดให้ลึกมากขึ้นทุกครั้งเมื่อเจอเหตุการณ์เหมารวม และพยายามจะหาชุดเหตุผลอธิบายใหม่ มาตอบโต้ชุดความรู้เดิมที่ถูกฝังหัวติดตัวมาจากการศึกษาไทย ที่มีปัญหาอย่างมาก และไม่ทันสมัยกับโลกยุคศตวรรษที่21ที่ทุกประเทศต่างให้ปฏิญญาระหว่างกันตั้งแต่ปี พุทธศักราช 2491 ว่า 

"ข้อมนุษย์ทั้งหลายเกิดมามีอิสระและเสมอภาคกันในเกียรติศักดิ์และสิทธิ ต่างมีเหตุผลและมโนธรรม และควรปฏิบัติต่อกันด้วยเจตนารมณ์แห่งภราดรภาพ"


เมื่อเรามองเห็นกันจากระยะไกล
เมื่อเรามองเห็นกันจากระยะไกล
เมื่อเราเข้ามาใกล้มากขึ้น เราจะเห็นความหลากหลาย
เมื่อเราเข้ามาใกล้มากขึ้น เราจะเห็นความหลากหลาย
เมื่อใกล้ยิ่งขึ้น เราจะร้องว่าโอโห อะไรจะงดงามปานนั้น ... 

ดอกไม้นี้ให้คุณ
เมื่อใกล้ยิ่งขึ้น เราจะร้องว่าโอโห อะไรจะงดงามปานนั้น ... ดอกไม้นี้ให้คุณ

* * * 

"เชน เทือกสุบรรณ" ฟิวส์ขาด โยนเก้าอี้ไม่พอใจ พท.เสนอปิดอภิปราย
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNM09ETTRORGcxTnc9PQ%3D%3D&subcatid

Thai parliament is still in mess.

This MP, a son of the most influential MP from the Opposition Party, 'the Democrat, Mr. Suthep Thaugsuban, who is under investigation for 'crime against humanity' from his orders 'life firing zone' at the 2010's military crackdown on the Red Shirts demonstrators, with has caused the death of 100 people, mostly from being shot in the heads, and nearly 2,000 people were wounded.

The opposition party has not giving even a slightest corporation with the current government in any issues.


4 ก.ย. 13


มาดื่มกาแฟกันค่ะ

เล็กไม่ใช่คนดื่มกาแฟทานน้ำ แต่จะดื่มวันละ 2 แก้ว และชอบกาแฟแบบ ตีนมร้อนแบบชาวดัชท์ แล้วใส่กาแฟจากเครื่องต้มกาแฟ expresso ลงไป ไม่ใส่น้ำตาล

อ้อ ตอนนี้ติดใจกาแฟของแฟร์เทรดฮะ ... ทำตัวเป็นผู้บริโภคที่มีเคารพจริยธรรมการผลิตสินค้ากับเขาหน่อย ... เมื่อทำได้และกระเป๋าตังส์อำนวย

เห็นคุณดวงจำปาแปลและเขียนเรื่องกาแฟวันก่อน เลยขอเอารูปมาฝากด้วยค่ะ

* * * 

ข้อคิดที่ได้จากการอยู่ในประเทศที่ไม่ค่อยเห็นเครื่องแบบ นอกจากตำรวจ ทหาร และคนขับรถสาธารณะ หรือพนักงานตรวจตั๋ว

ยิ่งเมื่อเห็นเด็กๆ นักเรียนทั้งวัยเล็ก และวัยรุ่น รู้จักการแต่งตัว และแต่งตัวกันเป็นตั้งแต่เด็กๆ หาชุดใส่กันที่ทะมัดทะแมง เดินกันอย่างกระชับกระเฉง ทั้งหญิงและชายดูเท่าเทียมกัน ดูไม่แตกต่างกัน จะเล่นห้อยโหนตีลังกา หรือนั่งทำงาน อ่านหนังสือกับสนามหญ็าหรือกับพื้นดิน ยังไงก็ได้

ทำให้นึกถึงปัญหาเรื่องชุดนักศึกษาไทยตั้งแต่ระดับแรกจนถึงปริญญาตรี คือ ชุดมันไม่เอื้อให้ซุกซน กระโดดโลดเต้นได้เท่าไร โดยเฉพาะเสื้อสีขาว ที่จะเปื้อนเปรอะได้ง่าย

โดยเฉพาะผู้หญิง ที่ยิ่งเรียนสูงขึ้น แหกกฎได้บ้าง เสื้อยิ่งคับติ้ว กระโปรงยิ่งคับเต่อ
กระดิกกระเดี้ยอะไรไม่ได้เลย นอกจากต้องสวยต้องเซ็กซี่ เพียงอย่างเดียวเท่านั้น

หนึ่งในปัญหาที่เห็นจากเครื่องแบบโดยเฉพาะเครื่องแบบนักเรียน-นักศึกษา คือ มันคุมคนไทยให้เป็นเด็กอยู่ตลอดเวลา คุมให้ไม่ให้โต ให้ไม่รู้จักอิสระภาพทั้งการเคลื่อนไหวร่างกาย และ (อาจจะ) ไม่รู้จักการเคลื่อนไหวสมองไปด้วย

ที่สำคัญคือทำให้เด็กยิ่งเรียนยิ่งใช้มือใช้เท้าทำงานรอบด้านไม่เป็น เป็นคนสำอางค์ จำจด ไม่กล้าลุยเพราะกลัวเปื้อนหรือกลัวเปิดนี่ล่ะ

การเลิกเครื่องแบบนักเรียนนักศึกษาทุกระดับ เป็นเรื่องจำเป็นจริงๆ

เพราะนอกจากเพื่อเปิดเสรีภาพทางความคิดแล้ว ก็เพื่อสร้างและเปิดโอกาสให้เด็กไทยในอนาคต เป็นคนแกร่งและเก่งรอบด้านมากขึ้นด้วย 


----------------

ดูข่าวประกอบ ชุดนักศึกษาไทย จี๊ดสุดในเอเชีย

 

 * * *

 

Junya Lek Yimprasert:
การเลิกเครื่องแบบนักเรียนนักศึกษาทุกระดับ เป็นเรื่องจำเป็นจริงๆ


XXX :
เลิกไม่ได้เดี๋ยวมันฉลาด


ชอบคำตอบนี้มากๆ เลยต้องขอขยายอีกรอบ
อยากรู้ว่าใครพูด ไปดูที่สเตตัสด้านล่างนะฮะ


* * * 
Thai kings, during the last century, always claim that 'THAI people are not ready for DEMOCRACY'.

Yet, throughout this century, many Thais have been telling these kings that 'kings must respect Constitutional Monarchy's political system.

Our history also shows that what is blocking Thailand from democratically progress, is actually, the Thai Monarchs' attitude toward democracy. Besides, the Thai palaces have been supporting - secretary and openly - dozens of Military Coups in Thailand since right after the 1932's democracy Coup D'etat.

It's alright for any Kings to say that their people are stupid and silly.

But, it's impossible for any Thais to say that 'their/our kings are stupid and silly'.

Can we believe in the propaganda that 'ALL THAI love their King, and that 'Thai people are not ready for 'democracy', when we have been and are witnessing that anyone who declares they do not love the king have been throwing in jails?
* * *  
 
สำหรับกษัตริย์
ประชาชนไม่เคยพร้อมที่จะมีประชาธิปไตย


เพราะกษัตริย์รู้ดีว่า
ถ้าบอกว่าประชาชนพร้อมกับระบอบประชาธิปไตยเมื่อไร
สถาบันกษัตริย์จะต้องปรับตัวอย่างมาก

ดังนั้น มันง่ายและสะดวกกว่าเยอะ
ที่จะยืนยันว่า "ประชาชนไม่พร้อม"
เพื่อที่สถาบันกษัตริย์จะคงวิถีสมมติเทพไว้ต่อไป
* * *

คนถูกคดี 112 ไม่ใช่ "อาชญากร"
มาตรา 112 ต่างหากที่เป็น "อาชญากรรม" ต่อมนุษยชาติ
 
 * * *
ชอบใจจริงๆ
เวลาเห็นสเตตัสเด็ดๆ
ของคนในเฟซบุ๊ค

เมื่อรู้จักคิด
คนไทยก็ไม่แพ้ชาติใดในโลกล่ะวะ
5555555
* * *
 
อืมๆ ไม่เห็นด้วยทั้งหมด

เมื่อใช้ชีวิตอยู่เมืองนอก ทำงานและพบปะสังสรรค์กับคนรอบตัวที่การศึกษาดีๆ
ที่ไม่ได้หมายถึงต้องเป็น ดร. กันทุกคนนะฮะ
แต่หมายถึงคนเรียนมาแล้ว สามารถเรียนรู้บริบทของสังคม
สามารถใช้เหตุผลกันเป็น พูดจาตอบโตกันด้วยเหตุผลได้

ไม่ใช่พอจนคำตอบโต้ ก็ลุยด่ากันอย่างเดียว่า
"มึงไปตายซะ" "มึงตกนรกไปซะ" "มึงไม่ใช่คนไทย" "มึงตายเมืองนอกน่ะดีแล้ว"
"มึงไปอยู่ที่อื่นเลยถ้าไม่รักชาติ ไม่รัก xxx" เช่นที่พบเจอกันบ่อยๆ เมื่อคุยกับคนไทยไม่รู้เรื่อง

การเรียนหนังสือ
ทั้งในห้องเรียน หรือหาอ่านและเรียนรู้เองนอกห้องเรียน
เป็นเรื่องสำคัญฮะ

ประเด็นที่สำคัญสำหรับประเทศไทย คือ
จะทำให้การศึกษาในระบบของไทย ทำการสอนหรือเปิดโอกาสให้นักเรียนในประเทศไทยนั้น

เป็นทั้ง

นักเรียนที่เรียนให้เป็น
และคนที่ทำงานให้เป็น

ไปด้วยกันทั้งสองด้านได้อย่างไร

* * *

ประชาไท " กสม.จับมือ ‘ชมรมร่วมใจไทยกู้ชาติ’ ตั้งสภาปฏิรูปประเทศไทยภาคประชาชน"
อ่าน 

จะมีอะไรที่ตลกและน่าทุเรศมากกว่านี้อีกไหมสำหรับวันนี้

ให้องค์กรพิทักษ์สิทธิอภิสิทธิชนที่ไม่รู้จักคำว่าประชาธิปไตย และคำว่า "สิทธิมนุษยชน" ที่ "ขาดความชอบธรรม" มานานแล้วเนี่ยนะ ตั้ง "สภาปฏิรูปประเทศไทยภาคประชาชน" เพื่อมาให้การศึกษากับคนไทยเรื่อง "ประชาธิปไตย"

เหอ เหอ
* * *

3 ก.ย. 13



กรณีชีวิตอดีตนางแบบก้องโลกชาวไทย ที่ถูกยกให้เป็น "อุทาหรณ์" ของความตกต่ำ ตามจริตของความตอแหลและปฏิเสธที่จะมองเห็นความจริงของคนเมืองหลวง

เธอก็เป็นหนึ่งในหญิงไทยผิวเข้มหลายล้านคน จากครอบครัวยากจน ปากกัดตีนถีบ ที่ดิ้นรนเลี้ยงตัวเองและครอบครัวทุกหนทาง เธอได้จุนเจือครอบครัวอย่างมากมายแล้วในช่วงชีวิตรุ่งโรจน์

แต่ครอบครัวและสังคมจะใส่ใจเธออย่างจริงจังไหมว่า ในการฝ่าแรงกดดันต่างๆ เพื่อจะอยู่ให้ได้ในเวทีนางแบบโลก เธอจะต้องพากเพียรและบากบั่นขนาดไหน โดยเฉพาะเมื่อพื้นฐานการศึกษาและการบ่มเพาะมันน้อยนิด

การคาดหวังให้เธอเผชิญหน้ากับมันได้อย่างแข็งแกร่งสมกับเป็นวีรสตรีไทย เป็นเพียงความเพ้อฝันในนิยายน้ำเน่าเท่านั้นล่ะ

เรื่องของเธอจึงสะท้อนถึงการปิดตาและความไม่ใส่ใจของสังคมไทยต่อสภาพชีวิตหญิงไทยจำนวนมาก ที่ต้องดินรนทั้งขายแรงกาย ขายความสวย หรือต้องขายหอย ทั้งที่เมืองไทยและในต่างแดน เพื่อหาเงินส่งมาเลี้ยงดูตัวเองและครอบครัวอีกเป็นโขยง (ที่ไม่มีหญิงในประเทศพัฒนาที่ไหน จะทำกันแล้วใน ทศวรรษนี้ หรือในศตวรรษนี้)

พวกเธอหญิงไทยใจรักครอบครัว ... ที่จำนวนไม่น้อยมีบันกลางชีวิต/หรือบั้นปลายชีวิตที่ไม่ได้ต่างจากอดีตนางแบบคนนี้เลย ที่จำนวนไม่น้อยไม่กล้ากลับบ้านเกิด หรือถูกครอบครัวทับถม รังเกียจ ไม่ให้เข้าไปอยู่ในบ้านที่เธอส่งเงินมาปลูกสร้าง เพราะความรังเกียจและความอับอายเมื่อชีวิตเธอตกต่ำ

นี่พูดถึงเพียงภาพรวมกว้างๆ ที่เคยประสบพบเห็น ไม่ได้หมายถึงครอบครัวของนางแบบคนนี้ เพราะไม่มีข้อมูลของครอบครัวเธอมากพอที่จะสรุปถึง

อุทาหรณ์ เรื่องนี้จึงไม่ใช่เพราะเรื่องชีวิตของเธอ อดีตนางแบบก้องโลก แต่เป็นอุทาหรณ์ ของการปิดหูปิดตากับชีวิตหญิงไทยของสังคมน้ำเน่าต่างหาก

2 ก.ย. 13

วียดนามไม่น่าทำเลย

การปิดกั้นเสรีภาพ ในท้ายที่สุดจะส่งผลต่อพัฒนาการด้านเศรษฐกิจด้วยเช่นกัน





ประชาไท " เวียดนามสั่ง ห้ามใช้เน็ตคุยเหตุการณ์บ้านเมือง เริ่ม ก.ย.นี้"

"ขณะที่ สหพันธ์อินเทอร์เน็ตแห่งเอเชีย หรือ the Asia Internet Coalition ซึ่งเป็นการรวมตัวของกลุ่มอุตสาหกรรมไอที ที่มีกูเกิล และเฟซบุ๊ก รวมอยู่ด้วย ระบุว่า ในระยะยาว กฤษฎีกานี้จะยับยั้งการเกิดนวัตกรรมและกีดกันธุรกิจต่างๆ จากการดำเนินการในเวียดนาม"

เวียดนามออกกฎห้ามผู้ใช้เน็ตพูดคุยเหตุการณ์บ้านเมือง และให้บริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ตต่างชาติวางเซิร์ฟเวอร์ในเวียดนาม มีผลบังคับใช้แล้ว ก.ย.นี้
รัฐบาลเวียดนามออกคำสั่ง ซึ่งรู้จักกันในชื่อ "กฤษฎีกา 72" (Decree 72) มีเนื้อหา ห้ามการใช้บล็อกและโซเชียลเน็ตเวิร์ก เช่น เฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ ในการพูดคุยแลกเปลี่ยนข่าวสารบ้านเมือง โดยให้ใช้เฉพาะพูดคุยเรื่องส่วนตัวเท่านั้น รวมถึงห้ามการเผยแพร่เนื้อหาที่ต่อต้านรัฐบาลเวียดนาม หรือเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติบนออนไลน์ และยังกำหนดให้บริษัทต่างชาติที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ตวางเซิร์ฟเวอร์ในเวียดนามด้วย
 * * *

เรื่อง 112 เนี่ยใช้กันอยู่นะฮะในช่วงสงครามเย็น โดยเฉพาะในช่วง 6 ตุลาฯ 19 และหลัง 6 ตุลาฯ

ได้เห็นเอกสารคำพิพากษานี้ ก็เลยเอามาแชร์กันต่อฮะ

เสรีภาพในการคิด ในการเขียนจะถูกปิดกั้น ถ้า 112 ยังสามารถใช้ได้อย่างพร่ำเพรื่อ

ยกเลิก 112 ซิ ประเทศไทยจะรู้จักกับคำว่า "เสรีภาพ" กันได้บ้างเสียที

คำพิพากษาฎีกา ๘๖๑/๒๕๒๑ การเผยแพร่บทความ 'อมนุษย์' เป็นความผิดตามมาตรา ๑๑๒ ประมวลกฎหมายอาญา

16 July 2013 at 15:20
ตีพิมพ์ใน คำพิพากษาฎีกา ประจำพุทธศักราช ๒๕๒๑. ตอน ๙, (จิตติ ติงศภัทิย์ บรรณาธิการ), เนติบัณฑิตยสภา, หน้า ๑๓๒๗-๑๓๓๕.


                                               คำพิพากษาฎีกาที่ ๘๖๑/๒๕๒๑

                                                                     อัยการกรมอัยการ โจทก์

                                                                     นายเล็ก ลักษณะผล จำเลย

     ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒ ร่วมเป็นตัวการตามพระราชบัญญัติการพิมพ์ พ.ศ.๒๔๘๔ มาตรา ๔๘ วรรคสอง จำคุกจำเลยผู้ประพันธ์ ๒ ปี จำคุกจำเลยผู้เป็นบรรณาธิการ ๑ ปี รวมกับโทษที่รอไว้อีก ๒ เดือน ริบเอกสารของกลางทั้งสิ้น
 ที่มา และ อ่านต่อ
* * *

คนเจอ 112 แล้วชีวิตมันยุ่งยากขึ้นเยอะ
มันทำให้ยุ่งยาก ...
เพื่อทำให้คนกลัวกฎหมายตัวนี้ด้วยล่ะ

แต่ไม่เป็นไร รู้ว่าอยู่ในจุดตั้งตั้งรับ
และทำงานรุกไปด้วยพร้อมๆ กัน
อาจจะหนักและเหนื่อยและยุ่งยากฉิบ
แต่ก็จะอดทน ก็จะสู้

ถือว่ามันเป็นความท้าทาย
ถือว่ามันเป็นการใช้ชีวิต
ถือว่ามันเป็นการต่อสู้

ยังไงๆ กูก็จะไม่คลานอย่างหมาเข้าไปขอขมา
เพื่อให้คนพากันเห็นอกเห็นใจ
พากันลูบหัวลูบหลัง
และแสดงความเมตตาสงสาร

คนไทยมักจะหมั่นไส้คนสู้คน
และจะแสดงการเมตตาสงสาร
และให้ความสงเคราะห์คนไม่มีทางสู้
คนที่ยอมจำนน

หมั่นไส้กูได้
(กูก็น่าหมั่นไส้อยู่ไม่น้อยจริงๆ ล่ะ ... ฮา)
แต่อย่ามาสงสาร

แต่ถ้าจะร่วมสู้กับความป่าเถื่อนของระบบไทย
จากพวกถือกฎหมายในมือ
พวกที่ได้ที่ขี่หลังมาตรา 112 ไล่ล่าคนอื่น

ก็ขอเชิญมาจับมือสู้ไปด้วยกันนะฮะ
นี่จึงจะเป็นสิ่งที่ต้องการที่สุด ณ ยามนี้ฮะ


* * * 
 

JUNYA’S LESE MAJESTE CASE MOVES FORWARD

In March, PPT posted on exiled activist on lese majeste, labor, monarchy, women and more, Junya Yimprasert. Junya, widely known as Lek, posted then that she thought her new book Labour Shouldering the Nation was being investigated “most likely for lèse-majesté crime under the article 112 of the Thailand’s ‘draconian’ criminal code.”
 
 
As the investigation has progressed, however, it became clear that the Department of Special Investigation was looking at her publication Why I Don’t Love the King or ทำไมถึงไม่รักในหลวง that came out in English and Thai in 2010. The complaint about this book came from the Ministry of Information and Communications Technology (MICT).

On 30 August Lek posted at Facebook:

I have received some shocking news — a warrant for my arrest has been issued in Thailand over accusations that I offended the monarchy…. A senior government source told me yesterday that the arrest warrant was issued in May.

She adds that Why I Don’t Love The King was “a personal account of how I lost my love for Thailand’s monarch but still deeply love my country…”. After she put it out, she “was advised that it would be safer … to stay out of the country.”

Lek makes the all too obvious point that:

Without the abolition or reform of the lèse majesté law there will never be freedom of speech in Thailand.

Junya is a brave and outspoken woman, and the investigation seeks to punish her for being an independent thinker.

Political Prisoners of Thailand
 
* * *  
 
ถ้าใครดูรายงานคอป. (รายงานฉบับสมบูรณ์ คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริง เพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) กรกฎาคม ๒๕๕๓ – กรกฎาคม ๒๕๕๕)

จะเห็นว่าในแผนงานและในส่วนงบประมาณนั้น จำนวนเยอะมากใช้ไปกับผู้เชียวชาญและที่ปรึกษา และอดีตเลขาธิการสหประชาชาติ Kofi Annan และ Martti Ahtisaari อดีตประธานาธิบดีฟินแลนด์ ก็เป็นผู้ให้คำปรึกษามาตั้งแต่สมัยนั้นแล้ว ตอนนี้เพิ่มมาด้วย Tony Blair (ที่ถูกประท้วงในหลายประเทศในฐานะอาชญากรสงครามอิรักร่วมกับอดีต ปธน. สหรัฐฯ (George Bush)

ย้อนมาดู รายงาน คอป. ถ้าดูการใช้จ่ายงบของ คอป. "รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๖๕,๒๖๑,๕๘๖.๘๐ บาท" ในช่วงรายงานการเงิน ก็จะเห็นตัวเลขสูงๆ จ่ายไปกับผู้เชี่ยวชาญ ที่ปรึกษา คณะทำงานและสำนักงาน ทั้งนี้มีงบ "โครงการสัมมนาและกิจกรรมทางวิชาการ" อยู่ด้วยกะจิดหนึ่ง "รวมทั้งสิ้น ๑,๒๙๙,๓๕๗.๓๖ บาท" เท่านั้นเอง

การที่อดีตผู้ยิ่งใหญ่โลก 3 คน มาอยู่ในไทยช่วงนี้เพื่อให้คำปรึกษาครม. เป็นแผนงานต่อเนื่องมาจาก คอป. กับ รัฐบาลไทย

ดังนั้นแม้จะต้องสุภาพกับแขกบ้านแขกเมือง แต่การตั้งคำถามและโต้ตอบอย่างจริงจังกับอดีตผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามท่านเพื่อหาทางออกประเทศไทยที่สันติและยุติธรรม จึงเป็นเรื่องชอบธรรมและจำเป็น ...ถ้าไทยต้องการใช้ภูมิความรู้ของที่ปรึกษาค่าตัวแพงจากต่างแดนอย่างคุ้มค่า







* * *

ประเทศไทยจะต้องฟังและปรองดองกับราษฎรอาวุโส และมาเฟียการเมืองเหล่านี้กันไปอีกนานแค่ไหน?

มติชน วันที่ 03 กันยายน พ.ศ. 2556

"เติ้ง"เดินสายพบ"อานันท์-หมอประเวศ-3บิ๊กปชป."หลังกลับจากจีน ประสานงานสภาปฏิรูปการเมือง

 แหล่งข่าวจากคนใกล้ชิดนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้ประสานงานและขับเคลื่อนคณะทำงาน 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ การเมือง เศรษฐกิจ สังคม ของเวทีสภาปฏิรูปการเมือง ตามแนวคิดของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เปิดเผยเมื่อวันที่ 3 กันยายน ถึงการเดินสายหารือของนายบรรหารว่า นายบรรหารจะเดินทางกลับจากประเทศจีนในวันที่ 6 กันยายน จากนั้นในวันที่ 9 กันยายน นายบรรหารนัดพบกับนายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี วันที่ 11 กันยายน นัดพบ นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส และนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) วันที่ 16 กันยายน นัดพบนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้า ปชป.และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี ปชป.
* * * 

ข้อเรียกร้องให้นิรโทษกรรมคนติดคุกเพราะการเมืองออกมาก่อน และนั่นหมายถึงนักโทษคดี 112 ด้วยเพราะเป็นคดีการเมืองเช่นกัน

เป็นข้อเรียกร้องที่ไม่เพียงชอบธรรมเท่านั้น แต่เป็นเรื่องที่รัฐบาลจำเป็นต้องทำอย่างยิ่ง!

1 ก.ย. 13 - กงจักรปีศาจ

เราจะขุดเอาโครงการที่ล้มเหลวแบบนี้มาพูดถึงและวิจารณ์ถึงกันได้มากขึ้นเรื่อยๆ ได้อย่างไร จะหาข้อมูลจากไหนได้บ้าง?

ใครมีข้อมูลเหล่านี้เยอะๆ ก็ปล่อยรั่วออกมาเน้อ หน้าไมค์ไม่ได้ก็หลังไมค์ค่ะ

ที่มา "โครงการที่ "ห้ามถาม ห้ามสงสัย ซาบซึ้งได้อย่างเดียว"


 * * *


นายกรัฐมนตรีขอบคุณอดีตประธานาธิบดีฟินแลนด์ที่ร่วมงาน Uniting for the Future

Former President of Finland, Martti Ahtisaari, is giving advises to Thai government for the 'Uniting for the Future of Thailand."

He should tell Thai PM Yingluck Shinnawatra to remove all restriction of 'Freedom of Expression' out of Thailand's laws , especially from our constitution and the Lese Majeste law, article 112 of the Thai criminal code.

* * *

หนังสือ "กงจักรปีศาจ" เชิญดาวน์โหลดได้ตามอัธยาศัยฮะ
 

Download here
 
* * *

31 ส.ค. 13 - เสรีภาพ และ กฎหมายป่าเถื่อน มาตรา 112



ประชาธิปไตยเป็นเรื่องอดทน อดกลั้น และการใช้เหตุใช้ผล
ถ้านักการเมืองเสพติดและเคยชินกับวิถีศักดินาอภิสิทธิชน
ไม่สามารถอดทน อดกลั้น กับระบอบที่ต้องยอมรับความคิดต่าง
พวกเขาจะกลายเป็นอันธพาลและเผด็จการทางการเมืองไปได้ในไม่ช้า

ประเทศไทยถูกปกครองด้วยอันธพาลและเผด็จการทางการเมืองมายาวนาน
เพราะโครงสร้างการเมืองมันโอบเอื้อและเกื้อหนุนให้กับวิถีศักดินาอภิสิทธิชน

จะทำให้ประชาธิปไตยเดินหน้าและไม่ถูกปล้นได้ตลอดเวลา
การเมืองไทย ต้องค่อยๆ ปลดล็อควิถีศักดินาอภิสิทธิชน

การศึกษาไทยต้องสอนให้คนในสังคมไม่ว่าจะมาจากชนชั้นไหน
เคารพสิทธิมนุษยชน และคนทุกคนไม่ว่าจากชนชั้นไหนนั้น "เท่ากัน"

เดินหน้าประเทศไทยแบบประนีประนอมกับศักดินา
ก็เท่ากับกดหัวคนส่วนใหญ่
ให้ยอมก้มหัวให้กับความอยุติธรรมกันต่อไป

* * *

สถาบันกษัตริย์ไทยนี่ไม่อ่อนไหวเอามากๆ กับกระแสโลกาภิวัตน์

ถ้าอ่อนไหว ก็คงไม่ของบเพิ่มกันทุกปีๆ ละสองสามพันล้านบาท จนปีนี้งบสำนักพระราชวังและโครงการพระราชดำริปาเข้าไปถึง 13,000 กว่าล้านบาทเช่นนี้

ถ้าอ่อนไหวบ้าง ก็คงจะประกาศขอลดงบสนับสนุนจากรัฐบาล และแสดงให้เห็นว่าได้พยายามยกเลิกวิถีชีวิตที่ฟุ่มเฟือยและมากพิธีรีตรอง

ถ้าอ่อนไหวบ้าง ก็คงจะค่อยๆ ปล่อยรายงานการใช้จ่ายออกมาให้สาธารณชนได้รับทราบบ้าง

ถ้าอ่อนไหวบ้าง ก็คงสั่งการให้ลดเรื่องการเกณฑ์คนไปรับหรือส่งเสด็จ หรือใช้ตำรวจหลายสิบนายไปรออารักขาหลายชั่วโมงก่อนที่ทุกพระองค์เสด็จทั้งงานหลวงและส่วนพระองค์

ถ้าเข้าใจความเดือดร้อนของคนเมืองหลวง ก็คงยกเลิกขบวนเสด็จ 10-20-30 คันและการปิดกั้นถนนทุกเส้นทางที่เสด็จผ่านทั่วราชอาณาจักร

ถ้าอ่อนไหวบ้างก็คงไม่เอาลูกหลานหรืออนุทั้งหลาย บรรจุเข้ารับราชการเพื่อกินเงินเดือนและสวัสดิการจากรัฐ

ถ้าอ่อนไหวกว่านี้ ก็คงจะไม่รับบริจาคในพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย แต่เคารพจริยธรรมข้อเดียวกับนักการเมืองทั่วไปคือ ห้ามรับของบริจาคเกิน 3,000 บาท

ถ้าอ่อนไหวบ้าง ....และถ้าอ่อนไหวมากกว่านี้ ...

เขียนให้กับพระประมุขคนต่อๆ ไปของไทยด้วยฮะ

* * *
และที่สำคัญ ถ้าสถาบันกษัตริย์อ่อนไหวสักนิด
ก็คงส่งซิกกับทางรัฐบาลให้มีการ

แก้ไขมาตรา 112
และกำชับกับตำรวจและศาล
ให้ไม่มีการดำเนินคดีหมิ่นสถาบันพร่ำเพรื่อ
จนขายขี้หน้าชาวโลกกันเช่นนี้อย่างแน่นอน 

* * *  
ถ้าคน "เลิกรักสถาบันกษัตริย์" ทุกคนสามารถเขียนบรรยายถึงเหตุผลในการเลิกรักได้อย่างมีเหตุผลและน่าอ่านกันมากขึ้นเรื่อยๆ

สถาบันกษัตริย์ไทยหนาวแน่ๆ ล่ะ

จะ แกล้งหลับหูหลับตา และรู้สึกปลอดภัยอยู่เบื้องหลังกองทัพ พรรคอำมาตย์ ข้อกำหนด "อันล่วงละเมิดมิได้" ในรัฐธรรมนูญ และมาตรา 112 กันต่อไปไม่ได้แน่ๆ 

* * *


80 ปีแห่งการเมือง "ประชาธิปไตย"
คนทั้งประเทศถูกปิดหูปิดตาให้ไม่สามารถพูดคำว่า "ประชาธิปไตย" ได้อย่างถนัดปาก
และถูกทำให้พูดแต่คำว่า "... อันทรงมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข"
* * *

ที่แน่ๆ บทความ "ทำไมถึงไม่รักในหลวง"
เป็นบทความที่ทุกพระองค์ควรจะอ่านเป็นอย่างยิ่ง

และที่แน่ๆ คนเขียนบทความนี้ ไม่ควรถูกดำเนินคดี
และถูกออกหมายจับ!

บทความต้องห้ามนี้ถูก MICT กล่าวหาและคนเขียนถูกหมายจับ ...
จะอ่าน จะแชร์ ก็ระมัดระวังกันหน่อยนะฮะ 

* * *


เป็นเกียรติยศของตัวเองมากๆ ที่ถูก MICT ฟ้อง

เอกสารชิ้นเดียวที่มีตอนนี้เกี่ยวกับคดีตัวเอง

ในเอกสารระบุชัดนะฮะว่าผู้กล่าวหา คือ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และวันที่ในเอกสารคือ 28 กุมภาพันธ์ 2556 (สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์นะฮะ ... ดักคอไว้ก่อนสำหรับคนที่พยายามจะอ้างว่ารัฐบาลนี้ไม่เกี่ยว)

* * *

จริงๆ ถ้าการสอบสวนคดีของจรรยายุติ ไม่มีการส่งฟ้อง หรือถึงขั้นออกหมายจับ นี่ก็จะเป็นการดีที่สุด

แต่การมีหมายจับก็ชันเจนเหมืนอกันว่า ...

มันยังใช้เหตุผลไม่ได้ กับระบบตุลาการไทยในประเด็นเกี่

ยวกับเจ้า เกี่ยวกับมาตรา 112 หรือเรื่องพรบ.คอมพิวเตอร์

เมื่อมันเป็นเช่นนี้ก็ดี

จรรยาจะได้หาทางรณรงค์ยกเลิกมาตรา 112 กับนานาชาติอย่างจริงจังและเข้มข้นมากขึ้น

และพูดเรื่องความคิดเห็นเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ไทย เรื่องกฎหมายปิดปาก 112 เรื่องการเมืองไทย ให้มากขึ้นกว่าเดิม

สู้เต็มที่ฮะ
* * *

หลายครั้งหงุดหงิดเหมือนกันเวลาอ่านอะไรที่ต้องการจะชมใครโดยเฉพาะผู้นำจนเวอร์ โดยมีการหยิบยกประเด็นมาอ้างสนับสนุนประเด็นเดียว แล้วสรุปอย่างใหญ่โตว่า เพราะเขา/เธอเก่งยิ่งจึงทำเรื่องเช่นนี้ได้.

ไม่มีอะไร ... แค่เห็นสเตตัสหรือโพสต์เหล่านี้แล้ว ทำให้ฉุกคิดและใช้นำมาใช้เป็นอุทาหรณ์เตือนตัวเองได้ฮะ ว่า... อย่ารีบอนุมานและสรุปอะไรอย่างใหญ่โตหรือมากเกินเพื่อชเลียร์ใครสักคน.


 * * *

ปรัชญาของคนขบถ
ยิ่งพูดไม่ได้ ยิ่งห้ามพูด ยิ่งบอกว่าถ้าพูดจะถูกส่งเข้าคุก ยิ่งต้องพูด!!!

30 ส.ค. 13 - Junya and LM 112



I have received some shocking news — a warrant for my arrest has been issued in Thailand over accusations that I offended the monarchy.

A senior government source told me yesterday that the arrest warrant was issued in May. I was already aware that a lèse majesté case is being pursued against me, almost certainly over my 2010 article "Why I Don't Love The King".

Friends in Thailand have been questioned by the Department of Special Investigation (DSI) and the public attorney about that article, and about their relationship with me.

I have never been officially notified about any investigation, but according to documents that sources have shown me, the plaintiff in my case is the Ministry of Information and Communication Technology (MICT).

After I published "Why I Don't Love The King", a personal account of how I lost my love for Thailand's monarch but still deeply love my country, I was advised that it would be safer for me to stay out of the country. I decided to do so, in order to continue writing about Thailand without fear of harassment by the police or anyone else — apart from online harassment which cannot be prevented.

It has already taken the Royal Thai Police three years to deal with a lèse majesté case under Article 112 of the Thai criminal code. What a waste of time, resources and energy which the Thai police should have devoted to investigating real criminals, rather than someone who genuine cares about the future of our beloved country of Thailand.

Without the abolition or reform of the lèse majesté law there will never be freedom of speech in Thailand.

Foreigners cannot and should not ignore this issue either. Many tourists and expatriates — including foreign journalists — are attracted to Thailand by the inexpensive and comfortable lifestyle it offers. But with Thailand becoming a society so oppressive that even saying "I don't love the king" is a crime, it will not be comfortable for long.

* * *


อ่านข่าวนี้แล้วสะเทือนใจและเจ็บแปลบจริงๆ

เรื่องข่มขืนเป็นอะไรที่ทำร้ายเด็กหญิงและผู้หญิงทั้งทางร่างกายและจิตใจ
เรื่องนี้ผู้ชายในสังคม /เด็กผู้ชายในสังคม ควรจะถูกปลูกฝังให้สำนึกกันให้มากๆ
ไม่ใช่เห็นหีเป็นไม่ได้ - ไม่ว่าจะกี่ขวบก็ตาม

เศร้าสะเทือนใจทั้งชีวิตแม่และชีวิตลูก

มติชน วันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2556

แม่แทบคลั่ง ติดคุก2เดือนเอาลูกสาว4 ขวบฝากสถานสงเคราะห์ รู้ที่หลังถูกข่มขืนทุกวัน

 เมื่อวันที่ 29  สิงหาคม  ตำรวจ สภ.บางละมุง จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งจาก น.ส.วรรณพร ศรีนัคเรศ เจ้าหน้าที่กิจการพิเศษเมืองพัทยา ว่า  มีผู้หญิงพาบุตรสาววัย 4 ปี  ถูกทำร้ายร่างกาย และข่มขืนกระทำชำเรา เข้ารักษาตัวอยู่โรงพยาบาลบางละมุง จึงนำกำชุดสืบสวน รีบรุดไปตรวจสอบ
อ่านต่อ

* * *

By far, the Thai Government has allocated our national revenue to the Thai Royal Palaces Bureau much more than any of the Europeans have paid to their Monarchs.

ประชาไทเข้าใจทำชาร์ตนี้นะฮะ

เปรียบเทียบงบประมาณแผ่นดินที่ให้สถาบันกษัตริย์ของไทยกับประเทศที่มีกษัตริย์หรือกษัตรีในยุโรป

โอ่ ... สถาบันกษัตริย์ไทยครองแชมป์ใช้จ่ายเงินภาษีประชาชนสูงสูดอีกแระ นอกจากครองแชมป์มั่งคั่งที่สุดในโลกไปหลายปีซ้อน

และก็คงครองแชมป์ส่งคนเข้าคุกเพราะวิจารณ์สถาบันกษัตริย์ด้วยเช่นกัน ... หุ หุ
* * *

112 ไม่ต้องสั่ง
ก็มีคนไม่หวังดีส่งให้ฮะ
 

คำเตือน: หากเลือกผิดชิวิตจะอับจนไปอีกนาน


A Red Shirt women from Korat was sentenced three years imprisonment under the Lèse Majesté law (article 112) for insulting the Chairman of the Privy Council. The matter of fact, he is not under the protection of the LM 112 law. Yet by far, he is one of the most influential man in Today's Thailand chaos.

Insane Thailand.

ตามประเด็นเรื่องสั่งจำคุกเจ๊แดงโคราชเรื่องหมิ่นเปรม แต่ยังไม่เห็นรายละเอียด

เอาความเห็นสั้นๆ ก่อนเห็นรายละเอียดข่าวไปก่อนนะฮะว่า

ศาลไทยจะบ้าจี้เกินไปหรือเปล่า

เปรมไม่ได้อยู่ในการคุ้มครองของมาตรา 112 ดันลากเข้าไปอยู่ภายใต้การคุ้มครองของ "พระองค์ท่าน" จนได้

แต่นั่นละนะ "คนมีบารมี" มากที่สุดและยาวนานที่สุดในประเทศไทย ยังไงๆ ต้องลาก 112 ไปคุ้มครองให้ได้ ตามประสาสังคมที่ "อยากได้ความมั่นใจทางการเมือง ต้องไปคาราวะเปรม ณ บ้านสี่เสา"

ตอนนี้ยิ่งลักษณ์เริ่มเป็นลูกรักของป๋า

ข้อเรียกร้อง นปช. ในช่วง 2552 และ 2553 ที่มีข้อหนึ่งระบุชัดถึงเปรมว่า "1. พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ และนายชาญชัย ลิขิตจิตถะ ต้องพิจารณาตัวเองด้วยการลาออกจากตำแหน่งองคมนตรี "

มันก็เลยหายจ้อยไปเลยเนาะ

แล้ว นปช. จะทำยังไงบ้างกับคดีนี้?
------------------

TNews "สั่งจำคุก "เจ๊แดง" แกนนำแดงโคราช ข้อหาหมิ่นเบื้องสูง ม.112 ????"


ศาลโคราช  สั่งจำคุก   แกนนำเสื้อแดงโคราช หรือ เจ๊แดง ข้อหาหมิ่นเบื้องสูง และคดีเผาโลงศพจำลอง หน้าย่าโม  จำคุก 3 ปี ไม่รอลงอาญา ???
วันนี้ ( 29 ส.ค.)  ศาลฏีกาฯ นครราชสีมา มีคำพิพากษายืนให้ น.ส.ปภัสชนัญญ์ ฉิ่งอินทร์ หรือ เจ๊แดง แกนนำคนเสื้อแดงโคราช จำคุก 3 ปี ไม่รอลงอาญา ฐานความผิด หมิ่นเบื้องสูง คดี
เผาโลงศพจำลอง หน้าย่าโม ศาลชี้ชัด จำเลยเป็นผู้เทน้ำมัน และ จุดไฟเผาโลงศพจำลอง ที่มีข้อความ “พระองค์ท่าน ...” หมายถึงพระมหากษัตริย์อันเป็น ที่เคารพสูงสุดจึงมีความผิดฐาน
หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ตามมาตรา 112
ที่มาเพจ มั่นใจว่าคนไทยเกิน 1 ล้าน อยากให้ยิ่งลักษณ์ยุบสภา
* * *

ดีใจที่ได้คุยกับน้องที่เคยทำงานร่วมกันหลังไมค์

สำหรับคนเคยทำงานเป็นทีม ...
ไม่มีอะไรดีใจเท่าที่รู้ว่าทีมง

านที่เคยทำงานด้วยยังคิดถึงและห่วงใยกัน

ขอบคุณอดีตทีมงานทุกคนที่ยังคิดถึงและห่วงใยกัน

พี่เล็กก็เหมือนเดิม
มองทุกปัญหาเป็นเรื่องที่ต้องพบเจอได้จากการทำงาน
ไม่เรื่องมาก อยู่ง่ายกินง่าย
แต่เมื่อรู้ว่ามีคนทางเมืองไทยที่เคยรู้จักและเคยทำงานด้วยห่วงใยอยู่บ้าง ...
ก็ดีใจแล้วจ้า

ขอบคุณทุกคน โดยเฉพาะคนส่งข่าว!