3 ก.ย. 13



กรณีชีวิตอดีตนางแบบก้องโลกชาวไทย ที่ถูกยกให้เป็น "อุทาหรณ์" ของความตกต่ำ ตามจริตของความตอแหลและปฏิเสธที่จะมองเห็นความจริงของคนเมืองหลวง

เธอก็เป็นหนึ่งในหญิงไทยผิวเข้มหลายล้านคน จากครอบครัวยากจน ปากกัดตีนถีบ ที่ดิ้นรนเลี้ยงตัวเองและครอบครัวทุกหนทาง เธอได้จุนเจือครอบครัวอย่างมากมายแล้วในช่วงชีวิตรุ่งโรจน์

แต่ครอบครัวและสังคมจะใส่ใจเธออย่างจริงจังไหมว่า ในการฝ่าแรงกดดันต่างๆ เพื่อจะอยู่ให้ได้ในเวทีนางแบบโลก เธอจะต้องพากเพียรและบากบั่นขนาดไหน โดยเฉพาะเมื่อพื้นฐานการศึกษาและการบ่มเพาะมันน้อยนิด

การคาดหวังให้เธอเผชิญหน้ากับมันได้อย่างแข็งแกร่งสมกับเป็นวีรสตรีไทย เป็นเพียงความเพ้อฝันในนิยายน้ำเน่าเท่านั้นล่ะ

เรื่องของเธอจึงสะท้อนถึงการปิดตาและความไม่ใส่ใจของสังคมไทยต่อสภาพชีวิตหญิงไทยจำนวนมาก ที่ต้องดินรนทั้งขายแรงกาย ขายความสวย หรือต้องขายหอย ทั้งที่เมืองไทยและในต่างแดน เพื่อหาเงินส่งมาเลี้ยงดูตัวเองและครอบครัวอีกเป็นโขยง (ที่ไม่มีหญิงในประเทศพัฒนาที่ไหน จะทำกันแล้วใน ทศวรรษนี้ หรือในศตวรรษนี้)

พวกเธอหญิงไทยใจรักครอบครัว ... ที่จำนวนไม่น้อยมีบันกลางชีวิต/หรือบั้นปลายชีวิตที่ไม่ได้ต่างจากอดีตนางแบบคนนี้เลย ที่จำนวนไม่น้อยไม่กล้ากลับบ้านเกิด หรือถูกครอบครัวทับถม รังเกียจ ไม่ให้เข้าไปอยู่ในบ้านที่เธอส่งเงินมาปลูกสร้าง เพราะความรังเกียจและความอับอายเมื่อชีวิตเธอตกต่ำ

นี่พูดถึงเพียงภาพรวมกว้างๆ ที่เคยประสบพบเห็น ไม่ได้หมายถึงครอบครัวของนางแบบคนนี้ เพราะไม่มีข้อมูลของครอบครัวเธอมากพอที่จะสรุปถึง

อุทาหรณ์ เรื่องนี้จึงไม่ใช่เพราะเรื่องชีวิตของเธอ อดีตนางแบบก้องโลก แต่เป็นอุทาหรณ์ ของการปิดหูปิดตากับชีวิตหญิงไทยของสังคมน้ำเน่าต่างหาก