20 ส.ค.​13

ไม่รักเจ้าไม่ใช่เรื่องแปลก
ไม่รักปรีดีไม่ใช่เรื่องแปลก
ไม่รักทักษิณไม่ใช่เรื่องแปลก

แม้แต่ไม่รักพ่อ ไม่รักแม่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
ถ้าลูกเหล่านั้นถูกพ่อแม่ทำร้ายรังแก

สังคมควรจะเลิกบังคับ เลิกยัดเยียด ...
ทั้งทางตรงและทางอ้อม
ให้คนต้องรักคนโน้นคนนี้ ...
เพราะ... เพราะ...และเพราะ...

บทเรียนจากครอบครัว
บทเรียนจากศาสนา
บทเรียนจากสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ
บทเรียนจากสภาพแวดล้อมทางสังคม
บทเรียนจากการเรียนในห้องเรียน
บทเรียนจากการเรียนรู้ชีวิตจากการทำงาน
บทเรียนจากการเรียนรู้ชีวิตจากต่างแดน
หรือบทเรียนจากที่ไหนก็ตาม
ทำให้คนแตกต่างกันได้

การรัก หรือไม่รัก จึงเป็นเรื่องปัจเจกบุคคล!!!!

* * *

ขยายผลจากหลังไมค์เมื่อเช้านี้
จะจัดการอย่างไรกับคนคลั่งรักใครมากๆ ดี?

ทั้งคลั่งรักเจ้า คลั่งรักทักษิณ คลั่งรักยิ่งลักษณ์ คลั่งรักแกนนำ คลั่งรักนักร้อง คลั่งรักฟ้าหญิง หรือคลั่งรัก อ.สมศักดิ์ (พูดถึงด้วย เดี่ยวจะหาว่าลำเอียง) หรือคลั่งใครก็ตาม (แต่อย่ามาคลั่งกูนะ กูกลัวดูแลความคลั่งหรือความรัก

ของมึงไม่ได้ อิ อิ)

อืม ... อืม ...

จริงๆ มันก็จัดการไม่ยากหรอก
ถ้าสังคมและรัฐบาลสร้างความเข้าใจให้คนในชาตินั้นสามารถอยู่กันได้โดยเคารพความแตกต่างและรู้จักกฎกติกาแห่งสิทธิมนุษยชน
(แต่แม่งนะประเทศไทย คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนหาเหวแม่งไม่รู้จักคำและหลักการด้าน "สิทธิมนุษยชน" ใดๆ เลย... เช็งเป็ด เซ็งห่าน ฉิบหายเลย)

แต่ .. แต่...
การจะทำให้การคลั่งรักเหล่านั้นไม่เป็นภัยกับคนคิดต่าง
ไม่เป็นภัยกับคนประกาศไม่รักใคร
มันก็ยังมีทางจัดการได้

ทั้งนี้ต้องมีคนในสังคมจำนวนหนึ่งที่มากพอสมควร ... ที่เป็นคนมีเหตุผล
จะต้องมีสื่อจำนวนหนึ่ง ทีทำหน้าที่อย่างมีเหตุผล
และที่สำคัญ ...ต้องมีรัฐบาลที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางที่มีเหตุผลและไม่เลือกปฏิบัติ

สำหรับรัฐบาล
เพื่อแก้ปัญหานี้อย่างมีเหตุผลเป็นวิทยาศาสตร์ไม่ใช่พึ่งไสยศาสตร์
รัฐต้องเริ่มสร้างมาตรฐานที่รับรองสิทธเสรีภาพประชาชน
ต้องสร้างรัฐธรรมนูญที่รับประกันและคุ้มครอง สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคระหว่างประชาชน
สร้างหลักประกันทางกระบวนการยุติธรรมว่าจะไม่หลายมาตรฐานให้ประชาชนเชื่อถือและวางใจได้
วางกฎระเบียบและวินัยอย่างเคร่งครัดต่อเจ้าหน้าที่รัฐในการปฏิบัติหน้าที่ดูแลประชาชนอย่างไม่เลือกปฏิบัติ
ต้องพยายามสลายวิถีอภิสิทธิชนมากชนชั้นในทางกฎหมายลงให้มากที่สุด (ในทางปฏิบัติคงต้องใช้เวลานานกว่าจะสลายได้)

เมื่อระบบกฎหมาย และคนกลางมีเหตุผลและไม่มีหลายมาตรฐาน
จะคลั่งรัก คลั่งเกลียด ก็คลั่งไปเหอะ
จะรักใครมากมายตายแทนได้ก็รักไปเหอะ
จะเกลียดใครจนแช่งชักหักกระดูกให้ตายทุกวันในใจก็ทำไปเหอะ
ตราบใดที่ไม่รุกมาทำร้ายกัน หรือใช้กฎหมายทำร้ายกัน หรือใช้อาวุธปืนสังหารกัน

สำหรับเมืองไทย
ก็ขอมีความหวังว่า...
สถานการณ์จะผลักให้คนต้องมีเหตุผลและยอมรับความแตกต่างกันได้มากขึ้น

มิฉะนั้นเราก็จะต้องเดินตามเส้นทางที่ต้อง "นองเลือดซะก่อน ตายกันสักพัน สักหมื่นคนก่อน" กว่าที่คนในชาติ จะมีอนุสาวรีย์และหลักฐานแห่งความเจ็บปวด ไว้ตอกย้ำให้ผู้คนต้องรู้สึกเจ็บปวดจนสำนึกได้ และลุกขึ้นมาใช้เหตุผลแทนใช้ความรู้สึกนึกคิด "คิดไปเอง"

ถ้าคิดได้ ศึกษาบทเรียนจากหลายประเทศ
เราไม่ต้องปล่อยให้ตาย "ร้อยคน" "พันคน" หรือ "หมื่นคน" หรอก
จริงๆ เราไม่ควรปล่อยให้มีคนตายแม้แต่คนเดียว

เรามาหัดเริ่มต้นอยู่ร่วมกันบนความแตกต่าง หรือบนความคิดต่างได้
ตั้งแต่บัดนี้กันเถิด