5 ก.ย. 13


Spicy Vegan Vermicelli and Tofu Salad. Cooking for friends.
Anyone want Thai food to be delivered, please raise your hands.

ยำวุ้นเส้นเต้าหู ทำให้เพื่อนๆ ทานวันนี้
เปิดร้านอาหารเจ น่าจะรุ่งเนาะ
ถ้าทางจะมีคู่แข่งน้อย .. อิ...อิ
* * * 
* * *

เลิกเหยียดกันเอง หรือมัวแต่ก้มหน้าดูดิน เรามาแหงนหน้าดูคนเล่นการเมืองเบื้องบนกันบ้างเถิด

จรรยายิ้มประเสริฐ
5 กันยายน 2556


การเหมารวมความเป็นคนในชาติ เผ่าพันธุ์ กันไว้แบบหลวมๆ นั้นมีกันอยู่ทั่วโลก แต่ถ้าได้เปิดใจพบปะกับผู้คนจากหลากหลายเชื้อชาติหลากหลายเผ่าพันธุ์หลากหลายความคิด ความเชื่อ ภาษา ทั้งมีศาสนาหรือไม่มีศาสนา ไม่ว่าจะมีระบบการเมืองแบบประธานาธิบดีเป็นผู้นำสูงสุด นายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำสูงสุดหรือ กษัตริย์เป็นผู้นำสูงสุด และไม่ว่าจะสูง ต่ำ ดำ ขาว ร่ำรวยหรือยากจน และไม่ว่าจะอีกต่างๆ นาๆ 

จากการประสบพบเห็นด้วยตัวเอง เราจะพบว่าในความเป็นมนุษย์ ผู้คนจำนวนมากกว่านั้นน่ารัก มีน้ำจิตรน้ำใจให้กันได้เสมอและเราอาจจะได้รับการหยิบยื่นน้ำใจไม่ต่างกันเลยไม่ว่าจากคนร่ำรวยหรือคนยากจน จากคนเหนือหรือคนใต้ ตะวันออกหรือตะวันตก คนคริสต์อิสลาม พุทธ หรือ ฮินดู และไม่ว่าจะพูดลาว เขมร พม่า ตากาล็อก บาฮาซาร์ ไทย อังกฤษ เยอรมัน ฝรั่งเศส สเปน รัสเซีย หรืออาหรับ ฯลฯ  

แต่เมื่อความเป็นมนุษย์ต้องระบุอัตลักษณ์ของแต่ละคนที่ยาวขึ้นเรื่อยๆทั้งเพศ เชื้อชาติ ศาสนาภาษา ชนชั้น การศึกษา ภูมิภาคหรือจังหวัด และกลายเป็น "ประชาชนพลเมือง" ที่เป็นผู้มีความหมายทางการเมืองในทางตัวเลขผู้ลงคะแนนเสียงในเขตแดนแว้นแคว้นหรือในประเทศนั้นๆ

ในประเทศที่การแข่งขันระหว่างค่ายการเมืองดุเดือดการเมืองจะสลายความเป็น"มนุษย์ที่แตกต่าง"และจัดตั้ง "มนุษย์มวลชนพรรค" ที่มีความคิดความเชื่อเดียวกันกับพรรค เมื่อเป็นเช่นนี้ การเมืองก็ส่งผลให้มนุษย์จากต่างค่ายต่างพรรคแยกห่างจากกัน ไม่ได้ถูกส่งเสริมให้พยายามทำความรู้จักหรือเดินทางไปมาหาสู่เพื่อเรียนรู้ระหว่างกัน ทำให้ไม่เห็นกันและกันอย่างปัจเจก และจะเห็นกันและกันก็อย่างเหมารวม"ตามจริต"ของพรรคการเมืองที่สังกัด

หนักขึ้นไปอีกในประเทศที่มีนอกจากการเมืองจะแข่งขันกันแบบเอาเป็นเอาตายแล้วยังมีการแข่งขันกันอย่างเอาเป็นเอาตายระหว่างขั้วอำนาจเบื้องบนอาทิ ประเทศไทย"ระหว่างค่าย "สถาบันประมุขสมมุติเทพ" กับค่าย "นายกรัฐมนตรีเลือกตั้ง"เพื่อสร้างสันติภาพระหว่างเบื้องบนรัฐบาลจากการเลือกตั้งนำมวลชนของพรรคตัวเองใส่พานถวายสถาบันพระประมุขในนาม"ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข"

ในสภาพเช่นนี้-การเมืองที่ต่อรองอำนาจเบื้องบนอย่างสูงทั้งระหว่างค่ายการเมืองเลือกตั้งกับค่ายการเมืองจากชาติกำเนิดและระหว่างค่ายการเมืองเลือกตั้งด้วยกันเอง-ความเป็นมนุษย์ถูกทำให้เหลือเป็นเพียงฝุ่นผง"ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท" ซึ่งยิ่งทำให้ความสวยงามของมนุษย์ในฐานะปัจเจกบุคคลถูกลบเลือนหายไปสิ้น อย่าพูดถึง "ความเป็นมนุษย์"เลยแม้แต่ความเป็น"ประชาชน"ก็แทบจะไม่มีความหมายใดในสภาพการเมืองเช่นนี้

ดังนั้นเราท่านเอ๋ย อย่าโกรธเลยถ้าฟังคนใต้บอกทำนองว่า"เราต้องใช้เงินมากกว่าคนอีสานเพราะเราต้องกินอาหารหลากหลายชนิดกว่าคนอีสาน" และก็อย่าโกรธเลย"ถ้าคนอีสานลุกขึ้นมาตอบโต้"

ทั้งนี้ไม่ว่าจะภาคอีสาน หรือ ภาคใต้ต่างก็ถูกทำให้โดดเดี่ยวจากกันและกันแม้มีภาษาและท่วงทำนองการใช้ภาษาที่แตกต่างกันแต่ไม่เคยบรรจุในแบบเรียนให้ได้เรียนรู้กันเพราะทุกภูมิภาคใน "ราชอาณาจักรไทย"อยู่ภายใต้นโยบายหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวเพื่อร่วมกันปกป้อง"ชาติศาส์น(พุทธ)และกษัตริย์" (อ้อ และในนาม "ความเป็นไทย" ที่ถูกแต่งสร้างขึ้นมาเมื่อไม่นาน) 

ด้วยเหตุนี้ ความเป็นภูมิภาคจึงถูกสลายมาอย่างต่อเนื่องและยาวนานภายใต้นโยบายรวมศูนย์การศึกษาการปกครอง วัฒนธรรมไทย และการบริหารบ้านเมืองที่กำกับและสั่งการจากยุทธวิธีการเมือง "แบ่งแยกเพื่อปกครอง" ที่กำกับจาก "กรุงเทพมหานครอมรรัตนโกสินทร์  มหินทรายุธยามหาดิลกภพ นพรัตนราชธานี บุรีรมย์อุดมราชนิเวศน์ มหาสถานอมรพิมาน อวตารสถิตย์ สักกะทัตติย วิษณุกรรมประสิทธิ์"

หลายสิบปีที่ผ่านมาเราคนภาคเหนือกว่าภาคใต้ จะเหมารวมภาคใต้ว่าเป็นภูมิภาคที่"อันตราย"“คนโหด"โดยลืมนึกไปว่าคนที่อยู่ในภาคใต้จะกลายเป็นคนที่"เสี่ยงอันตราย"แค่ไหนภายใต้การบังคับรวมศูนย์ที่ยังไม่สงบสันติ

กระนั้นเราท่านต่างก็เรียนรู้กันมากขึ้นเรื่อยๆไม่ใช่หรือว่า ที่ภาคใต้อันตรายไม่ใช่เพราะมีชาวมุสลิมอาศัยอยู่ แต่เพราะการเมืองครอบครองเขตแดนในภาคใต้กับภาคเหนือที่มีมาต่อเนื่องยาวนานนับพันปีเป็นปมปัญหาที่คาราคาซังที่ต้องพิจารณาด้วย 

ประจักษ์พยานแห่งความโหดร้ายที่คนในภูมิภาคนี้ถูกกระทำอันเนื่องจากสงครามและการปราบปรามเพื่อครอบครองดินแดนอย่างโหดร้ายจากรัตนโกสินทร์และในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมาจาก "สงครามต้านคอมมิวนิสต์และการแบ่งแยกดินแดน" ซึ่งส่งผลให้คนใต้ไม่ว่ามุสลิมหรือพุทธทหารหรือพลเรือน คนร้ายหรือคนบริสุทธิ์ ถูกพรากชีวิตกว่าหมื่นคน  

จึงยากยิ่งนักที่จะตัดสินความเป็นคนใต้ง่ายๆ และก็เช่นเดียวกัน มันก็ยากยิ่งนักที่จะตัดสินความเป็นคนเหนือ คนอีสาน คนตะวันออก หรือคนตะวันตก  (หรือเพราะเป็นพม่า ลาว เขมร เวียดนาม จีน แขก ฯลฯ)  ยิ่งเมื่อถ้าเราเปิดใจเรียนรู้ ก็จะเห็นร่องรอยแห่งการเจ็บปวดจากการถูกบังคับให้น้อมรับและปฏิบัติตามนโยบายการเมืองรวมศูนย์ด้วยแนวคิดเชิงเดี่ยว "One Size Fit All"

และเมื่อความสับสนและความไม่รู้จักกัน ถูกทำให้ซับซ้อนยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อมนุษย์ในแต่ละภูมิภาคภาคถูกจัดตั้งเป็น "มวลชน" ฐานเสียงของพรรคการเมืองต่างๆ 

การเดินทางพบปะผู้คนในประเทศไทยร่วม70 จังหวัดกับคนต่างชาติในกว่า 40 ประเทศในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ทำให้ผู้เขียนต้องฉุกคิดและต้องคิดให้ลึกมากขึ้นทุกครั้งเมื่อเจอเหตุการณ์เหมารวม และพยายามจะหาชุดเหตุผลอธิบายใหม่ มาตอบโต้ชุดความรู้เดิมที่ถูกฝังหัวติดตัวมาจากการศึกษาไทย ที่มีปัญหาอย่างมาก และไม่ทันสมัยกับโลกยุคศตวรรษที่21ที่ทุกประเทศต่างให้ปฏิญญาระหว่างกันตั้งแต่ปี พุทธศักราช 2491 ว่า 

"ข้อมนุษย์ทั้งหลายเกิดมามีอิสระและเสมอภาคกันในเกียรติศักดิ์และสิทธิ ต่างมีเหตุผลและมโนธรรม และควรปฏิบัติต่อกันด้วยเจตนารมณ์แห่งภราดรภาพ"


เมื่อเรามองเห็นกันจากระยะไกล
เมื่อเรามองเห็นกันจากระยะไกล
เมื่อเราเข้ามาใกล้มากขึ้น เราจะเห็นความหลากหลาย
เมื่อเราเข้ามาใกล้มากขึ้น เราจะเห็นความหลากหลาย
เมื่อใกล้ยิ่งขึ้น เราจะร้องว่าโอโห อะไรจะงดงามปานนั้น ... 

ดอกไม้นี้ให้คุณ
เมื่อใกล้ยิ่งขึ้น เราจะร้องว่าโอโห อะไรจะงดงามปานนั้น ... ดอกไม้นี้ให้คุณ

* * * 

"เชน เทือกสุบรรณ" ฟิวส์ขาด โยนเก้าอี้ไม่พอใจ พท.เสนอปิดอภิปราย
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNM09ETTRORGcxTnc9PQ%3D%3D&subcatid

Thai parliament is still in mess.

This MP, a son of the most influential MP from the Opposition Party, 'the Democrat, Mr. Suthep Thaugsuban, who is under investigation for 'crime against humanity' from his orders 'life firing zone' at the 2010's military crackdown on the Red Shirts demonstrators, with has caused the death of 100 people, mostly from being shot in the heads, and nearly 2,000 people were wounded.

The opposition party has not giving even a slightest corporation with the current government in any issues.