7 ก.ย. 13 - คนงานเก็บแบอร์รี่ที่ฟินแลนด์

จ๊ากกกกกกก!!!!!

คนงานเก็บเบอร์รี่เริ่มเจอปัญหาแล้ว
ฟังจากคนงาน รู้สึกว่าปีนี้มีปัญหาเยอะมากทั้งที่สวีเดนและฟินแลนด์

เตี้ยอุ้มคร่อมอย่างกูจะตามไปช่วยเหลือได้ยังไงวะเนี่ย?

* * *

สั้นๆ เรื่องคนงานเก็บเบอร์รี่ชาวไทยที่ฟินแลนด์ แค่นี้ก่อนนะฮะ

ราคาเบอร์รี่ที่บริษัทพาคนมาเก็บรับซื้อจากคนเก็บเบอร์รี่ชาวไทยปีนี้ต่ำมากกว่าทุกปี
แต่ราคาเบอร์รี่ในท้องตลาดแพงมาก

คนงานที่โทรมาขอความช่วยเหลือเล่าว่า

หมากดำ (blueberry) ที่ทุกปีที่ผ่านมาราคารับซื้อกว่า 2 ยูโรต่อกิโล ปีนี้รับซื้อจากคนเก็บกันที่เพียง 1.4 ยูโร (และไม่มีให้เก็บด้วย)
หมากแดง (cranberry, lingonberry) ที่เคยราคากว่า 1 ยูโร ปีนี้จะถูกกดต่ำลงมาต่ำกว่า 1 ยูโรต่อกิโล

ค่าใช้จ่ายเดินทางมา 68,000 บาท
ค่าใช้จ่ายอยู่กินและค่าน้ำมันที่จะต้องจ่ายที่นี่อีกร่วม 70,000 บาท

ตอนนี้เขาเพิ่งเก็บได้เพียง 500 กก. หรือคิดเป็นเงินไทยเพียง 28,000 บาท
เหลือเวลาอีกเพียง 24 วัน เขาจะต้องเก็บให้ได้วันละไม่ต่ำกว่า 5,000 บาท ถึงจะพอจ่ายค่าใช้จ่าย (ไม่มีทางทำได้เด็ดขาด เพราะคนฟินน์เองก็บอกว่าปีนี้ไม่มีเบอร์รี่มากเหมือนปีที่แล้ว)

ที่เป็นเช่นนี้ คิดว่าพวกพ่อค้าเบอร์รี่ชาวฟินน์และสวีเดน เห็นคนไทยหลั่งไหลมากันราวเป็นแรงงานฟรี และรัฐบาลไทยก็ไม่เคยใส่ใจแก้ปัญหาอย่างจริงจัง แม้จะรับรู้ปัญหากันมาตลอด ก็เลยยิ่งย่ามใจ ไม่ต้องดูแลคนงานไทยกันเลย

ปีนี้เสียหายกลับเมืองไทยกันเยอะแน่ๆ แต่รู้สึกว่าคนไทยทำงานฟรีให้นายหน้าชาวไทยกินค่าหัวคิว และทำกำไรให้บริษัทเบอร์รี่ที่ฟินแลนด์และสวีเดนกันมาหลายปี คนไม่ยอมกันง่ายๆ อีกแน่ๆ อาจจะประท้วงร้องเรียนกันทั้งในสวีเดนและฟินแลนด์ก็ได้

จะพยายามเกาะติดและดำเนินการช่วยเหลืออย่างเต็มกำลังความสามารถ
* * * 
 


เรื่องหนึ่งที่เป็นความด้อย (อาจจะเพราะเรื่องภาษาและการปิดกั้นของพวกนายจ้างด้วย) ของคนงานไทยเวลาไปทำงานต่างประเทศ คือ

ไม่รู้กฎหมายคุ้มครองแรงงานของประเทศที่เข้ามาทำงานเลย ซึ่งในเกือบทุกประเทศมีกฎหมายคุ้มครองที่ครอบคลุมคนงานต่างชาติด้วย

กรณีคนงานเก็บเบอร์รี่ก็เช่นกัน

ที่สวีเดน พวกเขาได้รับกาคุ้มครองตามกฎหมายแรงงานของสวีเดนอย่างเต็มที่ เพราะมาในฐานะคนงาน กรณีเจอปัญหาอะไร จึงสามารถขอความช่วยเหลือจากทางการสวีเดนได้ทันที

ในส่วนคนงานเก็บเบอร์รี่ที่ฟินแลนด์
แม้ว่าจะมาในฐานะ "นักท่องเที่ยวเก็บลูกแบร์รี่ได้" แต่เนื่องจากมีความเสียหายจนรัฐบาลฟินแลนด์ก็ถูกกดดันให้ออกมาตรการช่วยเหลือบ้าง แม้ไม่ยอมรับเป็นคนงานก็ตาม

ทางฟินแลนด์จึงออกกฎตั้งแต่ปีที่แล้วว่า บริษัทฟินแลนด์ที่พาคนมาเก็บแบร์ (บริษัทไทยทำไม่ได้ ต้องเป็นบริษัทฟินน์ที่ได้รับอนุมัติโควต้าพาคนมาเก็บแบร์จากทางการฟินแลนด์เท่านั้น...ซึ่งปีนี้มี 17 บริษัท และจำนวนคนเก็บแบร์รี่ที่ฟินแลนด์เพิ่มมากขึ้นกว่าทุกปีจนแตะ 4,000 คน

จะต้องรับประกันว่าคนเก็บแบร์จะได้เงินไม่ต่ำกว่าวันละ 30 ยูโร หลังจากหักค่าใช้จ่าย(ที่ฟินแลนด์) แล้ว

ซึ่งเรื่องนี้กลุ่มคนงานที่คุยด้วยไม่รู้เลย

ดังนั้นปัญหาตอนนี้ที่ได้รับฟังมาคือ

เมื่อคนงานประท้วง บริษัททั้งในสวีเดนและฟินแลนด์ จะพยายามให้เรื่องเงียบที่สุด และอย่างรวดเร็ว เจรจาส่งคนงานกลับไทย (ให้ไปรับปัญหาหนี้สินกันเอาเอง) เพราะไม่อยากให้เป็นข่าว ไม่อยากถูกตรวจสอบจากรัฐบาลที่นี่ และไม่ต้องการจ่ายเงินเดือนและเงินประกันต่างๆ จนถึงสิ้นฤดูกาล

ดังนั้นเมื่อคนเก็บแบร์รี่ ไม่รู้กฎหมาย ไม่สามารถต่อรองผลประโยชน์ได้ ก็จะเสียเปรียบ ถูกส่งกลับเมืองไทย - ต้องมาทำงานฟรี และยังต้องกลับไปใช้หนี้ต่อด้วย

ดังนั้นคำแนะนำตอนนี้คือ ถ้าใครมีญาติพี่น้องที่เดินทางมาเก็บแบร์รี่ที่สวีเดนและฟินแลนด์ฝากบอกด้วยฮะ ...

ขอให้คนงานรวมตัวต่อรองให้ถึงที่สุด อย่ายอมถูกส่งกลับอย่างเสียหายเหมือนทุกปีที่ผ่านมา

คนงานที่สวีเดนมาในวีซ่าทำงาน 2 เดือนครึ่ง จึงมีสิทธิ์ได้รับเงินเดือนตราบใดเท่าที่ยังอยู่ในสวีเดน ... ก็ยืนยันจะอยู่ให้ครบตามกำหนดฮะ อย่ายอมถูกส่งกลับ เพราะจะได้เงินเดือนเฉพาะจนถึงวันที่ถูกส่งกลับ ... ซึ่งแน่นอนว่าไปใช้หนี้ต่อแน่นอน

ส่วนคนงานที่ฟินแลนด์ ก็เช่นกันฮะ ขอให้อย่ายอม เพราะเก็บได้หรือไม่ได้ ก็เก็บไปเรื่อยๆ ...

ถ้าเก็บผลไม้ไม่ได้จริงๆ อย่างน้อยก็อาจจะกลับไทย แม้ว่าไม่ได้เงินอย่างที่คาดหวัง แต่ก็อาจจะมีเงินไปใช้หนี้ที่ยืมมา ถ้ารวมตัวต่อรองเรื่อง 30 ยูโรต่อวันได้สำเร็จ

และถ้าต้องการคำแนะนำหรือการช่วยเหลือประสานนักข่าวหรือนักสหภาพแรงงานจากทั้งสวีเดนและฟินแลนด์ ให้เข้าไปช่วยเหลือ ก็แจ้งมาที่จรรยา ได้ตลอดเวลานะฮะ

พร้อมให้ความช่วยเหลือคนเก็บแบร์รี่ทุกคน เพราะไม่อยากทนเห็นการเอารัดเอาเปรียบคนเก็บแบร์รี่โดยคนงานไม่สู้เพื่อสิทธิเลย

ถึงเวลาที่คนเก็บแบร์รี่ชาวไทยจะต้องฉลาดได้แล้วฮะ

* * *