31 พ.ค. 13 (2)


แบบอย่างของ "พ่อพิมพ์" ครับผม :Zeus

ยิ่งทราบ ยิ่งเห็นความทราม ความถ่อย ซึ่งมันก็จะยิ่งทำลายสถาบันไปมากขึ้นเรื่อยๆ เท่านั้น

* * * 
กุหลาบ ปากซัน
ห็นภาพนี้แล้วรับไม่ได้อย่างยิ่ง
การด่าว่าด้วยคำรุนแรงยังพอเข้าใจได้และปล่อยไปได้ แต่การโพสต์ภาพนี้ พร้อมคำพูดที่เป็นการปลุกเร้าเช่นภาพนี้ น่าเป็นห่วงมาก

แม้ไม่สนับสนุนให้นายกฟ้องใครก็ตามที่ต่อว่าด่าทอ

แต่การกระทำในภาพนี้น่าจะข้าข่ายคุกคามและทำร้ายกันไปแล้วนะฮะ ไม่ใช่ด่าว่ากันเท่านั้น และถือว่าเป็นการคุกคามชีวิต เป็นเรื่องที่นายกควรจะฟ้องร้องตามครรลองกับคนทำภาพนี้ฮ
* * *

In Thailand’s Schools, Vestiges of Military Rule

Thailand needs psychological transition, which is by getting rid of the cold war psychological warfare strategy and entering the 21st century with consciousness. First action should be done is to free students at every education levels from military disciplinary code of behaviour.

The New York Times, further reading 
* * *

ประเทศไทยจำเป็นต้องเปลี่ยนจิตวิทยาการบริหารประเทศ โดยเฉพาะต้องเริ่มด้วยการกำจัดความกลัวที่ถูกบ่มเพาะจากแนวนโยบายจิตวิทยาสงครามเย็น และก้าวสู่ศตวรรษที่ 21 ด้วยความตื่นรู้

อันดับแรกที่ประเทศไทยต้องทำคือ ปลดปล่อยนักเรียนนักศึกษาในทุกระดับชั้นจากวิถีระเบียบวินัยทหาร

ประเทศไทยต้อง
จัดระบบการอุดหนุนนักเรียนนักศึกษาให้ได้มีโอกาสเรียนอย่างเต็มที่และถึงที่สุด
ยกเลิกเครื่องแบบและระเบียบวินัยทหาร และการต้องยืนเข้าแถวเคารพธงชาติพร้อมกันทุกเช้ และเปิดเสรีภาพเรื่องการแต่งกาย ทั้งเสื้อผ้า หน้า ผม
ปฏิรูปการเรียนการสอนและหนังสือแบบเรียนโดยเปิดให้นักศึกษา ครอบครัว สังคมมีส่วนร่วมในการออกแบบการศึกษา
ส่งเสริมให้ครูพัฒนาความรู้ตัวเองอย่างต่อเนื่องเพื่อจะได้ทันสมัยในการสอนตลอดเวลา
และที่สำคัญขจัดมาเฟียในวงการศึกษาไทยทุกระดับ

* * *

The Gaurdian "Apple's multi-billion dollar, low-tax profit hub: Knocknaheeny, Ireland"

Apple's Irish operation has a multi-billion dollar profit – and a tiny tax bill. How does it do it?
บทความและวีดีโอสั้นๆ นี้เผยให้เห็นความน่ากลัวและความเป็นจริงว่าเพราะเหตุใด คน 1% ถึงครอบครองทรัพย์สินในโลกนี้ถึง 70-80%

Thanks the Gaurdian for this article!

This is how less than 1% of the world citizen accumulating 70-80% of the world's monetary wealth.

* * *

เชื่อว่ามีข้าราชการดีที่อยากจะทำอะไรจริงจัง 

แต่ระบบข้าราชการไทยที่อยู่ในวิถีอุปถัมภ์ มีสวัสดิการคุ้มครองดีและมั่นคง และไล่ออกจากงานกันไม่ได้ง่ายๆ นัก ทำให้ข้าราชการไทยจำนวนไม่น้อยไม่มีความกระตือรือร้นหรือใฝ่เรียนรู้เพิ่มเติมเพื่อพัฒนาคุณภาพงาน

ข้าราชการไม่น้อยจึงพากันทำงานใต้วิถี "บนลงล่าง" โดยไม่โต้แย้ง และชื่นชอบกับวิถี "เข้าสาย - บ่ายขายมิสทีน - เย็นคาราโอเกะ" กันจนถึงบัดนี้

เกือบทุกรัฐบาลเห็นปัญหานี้และมีแนวคิดเรื่องปฏิรูประบบราชการ แต่ก็ทำกันไม่สำเร็จจนถึงบัดนี้
* * *


เอ้า
พวกมึงไหว้กันนะจะมีประเทศไหนที่บอกว่าตัวเองเป็นชาติกำลังพัฒนาและให้เกียรติ สัตว์พร้อมที่จะกราบไหว้สิ่งแปลกๆทุกอย่างอย่างไทยเราไม่มีแล้ว พวกมึงภูมิใจกันไว้เถอะ ออกข่าวด้วยนะมึง#### W T F####

พบลูกวัวประหลาดมี 2 หัวในตัวเดียวกัน-ชาวบ้านแห่กราบไหว้
นเจ้าของลูกวัวประหลาดก็บอกว่า เมื่อช่วงเที่ยงของวันที่ 6เม.ย.56 ที่ผ่านมา ตนเห็นว่าแม่วัวที่ชื่อนางเป้ง อายุ ประมาณ 7 ปี กำลังเจ็บท้อง ร้องและเดินไปเดินมา จึงคิดว่าน่าจะคลอดภายในวันนี้ จากนั้นได้ออกไปทำธุระนอกบ้านและเมื่อกลับมาช่วงเย็นก็พบว่านางเป้งคลอดลูกแล้ว แต่ลูกที่ออกมานั้นสองหัว ตนตกใจจึงเรียกลูกหลานมาดู และพบว่าลูกวัวนั้นตายแล้ว ซึ่งน่าเสียดายมากเพราะแม่ของลูกวัวประหลาดนั้นรูปร่างสมบูรณ์แข็งแรงดี และมีลูกมาแล้วถึง 4 ตัว ไม่น่าจะคลอดลูกออกมาตาย ซึ่งถ้าลูกวัวไม่ตายก็จะเลี้ยงดูอย่างดี แต่เมื่อตายแล้วก็เลยนำมาถวายที่วัดพุเกตุเพื่อให้พระท่านได้ทำการเก็บรักษาไว้

ซึ่งทางพระครูสีระ สมานะคุณ เจ้าอาวาสวัดพุเกตุ ก็ได้รับลูกวัวประหลาดไว้และจะทำการ สต๊าฟซากลูกวัวไว้และเก็บไว้ในโลงแก้วอย่างดีเพื่อให้ผู้ที่มาทำบุญได้ดู

หลังจากชาวบ้านที่ทราบข่าวต่างก็เดินทางมาดูลูกวัวประลาด 2 หัวที่ศาลาวัด ซึ่งต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่เคยพบวัว 2 หัวอย่างนี้มาก่อนเลย จากนั้นก็ทำการจุดธูปขอโชคขอลาภจากลูกวัวประหลาดอย่างไม่ขาดสวย
CR.http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNMk56a3hNalkxTVE9PQ%3D%3D&subcatid

เจอข่าวแบบนี้ทุกวัน
เห็นแล้วพูดไม่ออก

สงสารเห็นใจในผู้คนที่ชีวิตไม่เคยมีหลักประกันอะไร ต้องฝากความหวังไว้กับความเชื่อและพลังศรัทธา

เห็นการพยายามอยู่กับความกลัวด้วยการขอขมาและกราบไหว้สิ่งต่างๆ ในนิยาม "ศักดิ์สิทธิ์และเหนือธรรมชาติ" แล้วก็เศร้าใจ

มันสะท้อนให้เห็นว่า คนไทยที่เห็นอะไรผิดธรรมชาติ ต้องกราบไหว้บูชาและขอหวยนี่เพราะไม่มีหรืออ่อนด้อยมากในด้านการเรียนรู้และเข้าใจเกี่ยวกับชีววิทยา... แม้แต่ขั้นพื้นฐาน

31 พ.ค. 13


ร่วมรณรงค์เพื่ออิสรภาพและการดำเนินคดีอย่างเป็นธรรมให้กับมูฮัมหมัดอัณวัร หายีเต๊ะหรืออันวาร์ คนทำงานสื่อทางเลือกและภาคประชาสังคมที่ถูกตัดสินจำคุก 12 ปีด้วยข้อหาเป็นสมาชิกกลุ่มบีอาร์เอ็น โคออร์ดิเนท โดยอาศัยหลักฐานจากการซัดทอดที่ส่วนใหญ่ได้มาจากซักถามภายใต้พรก.ฉุกเฉิน

กลุ่ม Save Anwar ต่อสู้เพื่อให้มีการดำเนินคดีที่ยุติธรรมสำหรับอันวาร์ รวมทั้งสำหรับผู้คนอีกเป็นจำนวนมาก ในคดีความมั่นคงของสามจังหวดชายแดนภาคใต้ และผู้ที่ทำงานเรื่องสิทธิกับในภาคประชาสังคมที่ถูกคุกคาม

ทุกท่านสามารถเข้าร่วมได้ด้วยการติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มเพื่อนอันวาร์ และเขียนคำว่า Save Anwar หรือเข้าไปดาวน์โหลดภาพตามลิงค์นี้ (https://docs.google.com/file/d/0B9myASzjboUIN3ExSkxpZk5sZUE/edit?usp=sharing) ปรินท์ออกมา และถ่ายรูปพร้อมกับรูปที่ปรินท์มา แล้วส่งภาพมาตามเพจนี้ ( https://www.facebook.com/saveanwar )

หรือส่งความคิดเห็นใดๆ ให้กับทางกลุ่มในการร่วมรณรงค์เพื่อให้การดำเนินคดีความมั่นคงในพื้นที่นี้เป็นไปด้วยความยุติธรรม | เพื่อนอันวาร์ - Save Anwar

Free Anwar



30 พ.ค. 13

(1)

การเมืองไทยในช่วงทักษิณและหลังรัฐประหารมาจนถึงปัจจุบัน มันก็ยังอยู่กับการช่วยกันย้ำกับสังคมให้เข้าใจเรื่องพื้นฐานแห่งการอยู่และเคารพกันในสังคม ของการเป็นมนุษย์ที่ต้องอยู่ร่วมกันและต่อรองและประสานประโยชน์ของกันและกัน โดยทุกฝ่ายมีเป้าหมายที่การเข้าไปยึดครองรัฐสภาไว้ให้ได้ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า "รัฐสภา" และ "รัฐบาล" เป็นศูนย์กลางอำนาจที่ตามครรลองที่ไม่อาจปฎิเสธได้ในการเมืองโลกปัจจุบัน

และแน่นอนว่า การวิเคราะห์แบบคนจน "โง่" และ "ถูกนักการเมืองจูงจมูก" แบบเก่ามันใช้ไม่ได้อีกต่อไป

แต่กระนั้น สังคมก็ยังย้ำย่ำกันอยู่ในเรื่องการพยายามให้ทั้งสังคมยอมรับในหลักการเหล่านี้กันจนถึงบัดนี้

ย้ำและย่ำกันเพื่อหาความหมายแ่หงนิยามใหม่ หาคำอธิบายใหม่ต่อปรากฎการณ์ทางการเมืองของไทย ให้คนเข้าใจว่าคนมันก็ไม่โง่กันตลอดชีวิต และคนทุกชนชั้นโดยเฉพาะการลุกขึ้นของคนเสื้อแดง ก็มีเรื่องการลุกขึ้นมาปกป้องและเรียกร้องผลประโยชน์เพื่อกลุ่มตัวเองด้วยเช่นกัน ไม่ใช่แค่เป็นพลังมวลชนที่ไม่ประสีประสาอีกต่อไป

สิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทยตอนนี้ ซึ่งเป็นสภาวะปกติของพัฒนาการทางการเมือง ก็คือ การต่อรองอำนาจมันเกิดขึ้นทุกระดับ ทั้งในการเมืองวิถี "บนลงล่าง" และ การต่อรองจาก "ล่างขึ้นบน"

แต่จะพบกันตรงจุดไหน จะสำเร็จแค่ไหน มันก็ขึ้นอยู่กับความเข้มแข็งของการต่อรองของแต่ละกลุ่ม

แต่ที่แน่ๆ กลุ่มที่พยายามต่อรองโดยใช้อำนาจปืนกดทับจากด้านบนลงมายังข้างล่าง ต่อไปด้วยฐานคิด "ล่างโง่และไม่รู้เรื่อง" กำลังเป็นปรากฎการณ์ที่ล้าสมัยและต้องพ่ายแพ้ไปในที่สุด
* * *

(2)

บทเรียนที่สำคัญยิ่งต่อคนไทยนับตั้งแต่เกิดปรากฎการณ์พันธมิตรเมื่อปี 2548 คือ เมื่อสถาบันพระประมุข (ในประเทศไทยคือสถาบันพระมหากษัตริย์) ไม่ฉลาดพอ และลงมาแย่งชิงอำนาจนำกับรัฐสภาที่มาจากการเลือกตั้ง ด้วยวิถีการที่ขัดกับกฎิกาประชาธิปไตยด้วยการทำลายและโค่นอำนาจรัฐสภาด้วยการรัฐประหารหรือด้วยบารมีสั่งยุบพรรคการเมือง

การตัดตอนครรลองประชาธิปไตยแบบนี้ มันได้ส่งผลทำลายล้างและสร้างความชะงักงันต่อการพัฒนาประเทศอย่างมหาศาล และมันคือปัจจัยสำคัญยิ่งที่นำสู่การถดถอยทางด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม การเมือง นั่นหมายถึงการสั่นคลอนทางด้านเสถียรภาพในทุกด้านของประเทศ ...ซึ่งเป็นอุปสรรคที่แท้จริงต่อพัฒนาการของชาติให้ทัดเทียมกับชาวโลก

จึงขอสรุปอย่างตรงไปตรงมาว่า สถาบันกษัตริย์หรือสถาบันพระประมุขของไทย คือ กลุ่มบุคคลที่ต้องร่วมรับผิดชอบต่อความวุ่นวายทางการเมืองไทย โดยเฉพาะที่ชันเจนมากนับตั้งแต่ปรากฎการณ์พันธมิตรเมื่อปี 2548 (จริงๆ สาวไปได้ยาวไกลกว่านั้น)

สิ่งที่น่าตระหนกมากกว่าในสังคมไทย คือ ณ จนบัดนี้ สังคมไทย โดยเฉพาะนักการเมืองก็ไม่มีการตั้งคำถามหรือแสดงความคิดเห็นในเรื่องเหล่านี้ต่อวังกันได้อย่างตรงไปตรงมาได้ และยังพยายามปกป้องและป้องกันการตั้งคำถามเหล่านี้อย่างตรงไปตรงมากันทุกทางไม่ว่าจากรัฐบาลเองและกองกำลังที่มีอาวุธในประเทศ

จำเป็นที่คนไทยและประเทศไทยต้องพูดความจริงที่ไม่มีการเซนเซอร์
* * *

(3)

"บุญทำ-กรรมแต่ง" ในสภาพการเมืองวิถีกษัตริย์ ก็เป็นเพียงยุทธศาสตร์หนึ่งที่ใช้เพื่อคุมหัวคนให้กราบงออยู่กับพื้นเท่านั้นฮะ ...

เมื่อที่มาแห่งคำว่า "บุญกรรม" เกิดจากการกระทำของมนุษย์ มันก็จึงมีความลำเอียงเช่นกัน เช่นเดียวกับความลำเอียงอื่นๆ ที่เกิดขึ้นและดำรงอยู่ในประเทศไทย ณ ปัจจุบันนี้
* * *

(4)
ถ้าดูนิยาม "บุญ-กรรม" "นรก-สวรรค์" ของคนไทย กูจะจะจัดอยู่ในประเภท "สมน้ำหน้า - เห็นไหมมันด่าในหลวงมากมันจึงต้องตกนรก ไปตกทุกข์ได้ยากและลำบากลำบนจนถึงตอนนี้"

แต่ในความเป็นจริงคือ สามปีที่ผ่านมา กูได้มีเวลาอยู่กับตัวเอง มีเวลาอ่านหนังสือ มีเวลาคิดและเขียนเกี่ยวกับตัวเองและการเมืองไทยที่ไม่สามารถทำได้อย่างนี้อย่างแน่นอนถ้ายังอยู่เมืองไทย

นอกจากนี้ กูยังไม่ตาย "ภายในสามวันเจ็ดวัน" เช่นที่หลายๆ คนพากันแช่งชักหักกระดูก และอยู่มาได้อย่างดี (แม้ไม่ดีเลิศ) กว่า 3 ปีแล้ว

และที่สำคัญกูไม่คิดว่ากูตกนรก แต่กลับขอบคุณหลายสิ่งหลายๆ อย่างที่ทำให้ได้มีโอกาสเช่นสามปีที่ผ่านมาซะมากกว่า

ด้วยเหตุนี้ กูจึงไม่เชื่อ "นรก-สวรรค์และเรื่องบุญ-กรรม" ภายใต้นิยามและความหมายที่บิดเบี้ยว ที่กำหนดโดยสังคมที่บิดเบี้ยวด้วยประการฉะนี้แล!
* * *

(5)

ถ้าแก๊งอำนาจเก่าไม่กลัวผีทักษิณมากเกินไป พวกเขาจะอยู่กับความกลัวทักษิณอาจจะแค่ 8 ปี แต่เพราะความกลัวผีทักษิณกันล้นเกิน ทำให้พวกเขาเพิ่มบารมีให้ทักษิณ และอาจจะต้องอยู่กับผีทักษิณและชินวัตรกันต่อไปอีกเป็นสิบปี รวมกันแล้วก็ไม่ต่ำกว่า 20 ปี

กลัวแบบโง่ๆ ที่ทำให้ยิ่งกลัวก็ยิ่งหนีไม่พ้น!!!!

29 พ.ค. 13 (2)

(1)

"รักมาก เกลียดมาก ก็คลั่งมาก"

"กูจะยิงพวกมึงให้กระจุย"
ทหารนายหนึ่งใช้เฟซบุ๊คชื่อ Golfza Infantry*
29 พฤษภาคม 2556 [1]

"กูจะยิงให้คลานเป็นหมา"
พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา
16 มีนาคม 2556 [2]

"น่าจะเชือดอีเด็กเวรนี่ให้ตายคาเวที"
นพ.กัมปนาท ตันสิถบุตรกุล
18 เมษายน 2556 [3]

"เลิก 112 ให้ก็ได้ แล้วมึงกับพวกเอา .358 ไปก็แล้วกัน"
น.พ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์
3 สิงหาคม 2555 [4]

"ถึงเวลาแล้วที่ใครมีอาวุธชนิดไหนก็ต้องจับขึ้นมาใช้รบกับมัน"
พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร
3 พฤษภาคม 2556 [5]

* ในขณะที่เขียนนี้ หลายเพจได้เปิดเผยชื่อและตำแหน่งของทหารนายนี้มาแล้ว แต่ทางเพจยังไม่สามารถยืนยันความน่าเชื่อถือของข้อมูลได้จึงขอสงวนชื่อทหารนายนี้ไว้ แต่ตอนนี้ยืนยันแล้วว่าบุคคลผู้นี้เป็นทหารจริง และเคยอยู่ที่ กองร้อยบิน กองพลทหารราบที่ 4 (แอดมินเพจ กองร้อยบิน กองพลทหารราบที่ 4 ได้ยืนยันเรื่องนี้แล้ว โดยระบุว่า "คืออยากจะบอกว่าน้องเขาย้ายไปหน่วยอื่นแล้ว...น้องไม่ได้ขึ้นการบังคับบัญชากับเราแล้ว ทางเราต้องประสานทางหน่วยใหม่ดำเนินการต่อไป") [6]

อ้างอิง

[1] http://pantip.com/topic/30543501

[2] http://www.pub-law.net/publaw/view.aspx?id=1847#_ftn1

[3] https://www.facebook.com/photo.php?fbid=551722114850607&set=pb.311158728906948.-2207520000.1369816471.&type=3&theater

[4] https://www.facebook.com/photo.php?fbid=447003158655837&set=a.311169832239171.73183.311158728906948&type=1&theater

[5] http://www.naewna.com/politic/50648

[6] https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=583302721703075&id=445498878816794

เอะอะก็ขู่จะยิงกัน

เมืองไทยเมืองพุทธ "ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตผิดศีลข้อแรก"

แต่สันดานคนไทยจำนวนไม่น้อยนี่ ผิดศีลข้อแรกตั้งแต่ในหัวสมองแล้ว

ศาสนาไม่ได้ช่วยให้คนเป็นคนดี
ศาสนาไม่ได้ช่วยให้คนไม่โหดร้ายรุนแรง
ศาสนาเป็นเพียงเครืองมือค้ำอำนาจผู้มีบารมีเท่านั้นเอง
* * *

(2)


"ปิดทองหลังพระ กับ ความหมายที่แปรเปลี่ยน"

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 นิยามคำว่า ปิดทองหลังพระ ดังนี้ "ทําความดีแต่ไม่ได้รับการยกย่อง เพราะ ไม่มีใครห็นคุณค่า" [1]

แต่การจะบอกว่าการพระราชกรณียกิจต่างๆของของสถาบันกษัตริย์ไทยเป็นเรื่องที่ "ปิดทองหลังพระ" หรือถ้าจะให้แปลตามความหมายเดิม คือ "ไม่มีใครเห็น" หรือ "ไม่ได้รับการยกย่อง" อย่างที่คนรักเจ้าชอบทำกันมันไม่สามารถทำได้ เพราะจะเห็นว่าในประเทศไทย การโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้คน "เห็น" และ "ยกย่อง" สถาบันกษัตริย์นั้นมีอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง และเป็นมาแล้วหลายสิบปี นี่เป็นข้อเท็จจริงที่ปฎิเสธไม่ได้เลย

แอดมินจึงไม่แปลกใจเลยที่จะมีความพยายามสร้างนิยามใหม่ของคำนี้ โดยดูจากมูลนิธิ "ปิดทองหลังพระ" จะเห็นว่าคำนี้ได้ถูกตีความให้มีความหมายใหม่ว่าเป็น "การเพียรทำดี โดยไม่มุ่งเน้นประโยชน์ส่วนตัว" [2] ซึ่งมีความคลุมเคลือมากขึ้น แม้ในความเป็นจริงเรื่องนี้มันถกเถียงได้ไม่ยาก แต่สภาพที่ ม.112 ยังคงถูกใช้อย่างพร่ำเพรื่อและการถกเถียงเรื่องสถาบันฯ อย่างเปิดเผยยังไม่สามารถทำได้ เรื่องที่ถกเถียงได้ไม่ยากเช่นนี้ก็กลายเป็นเพียงแค่ความเชื่อและปราศจากการพิสูจน์อย่างมีเหตุมีผลโดยสิ้นเชิ

นี่เป็นอีกตัวอย่าง "ข้อยกเว้น" ที่ถูกสร้างขึ้นในสิ่งที่เกี่ยวข้องกับสถาบันกษัตริย์ของไทย

อ้างอิง

[1] http://www.pidthong.org/main.php

[2] http://dict.longdo.com/search/ปิดทองหลังพระ
มูลนิธิปิดทองหลังพระ สืบสานพระราชดำริ
"ปิดทองหลังพระ คือ การเพียรทำดี โดยไม่มุ่งเน้นประโยชน์ส่วนตน"

ขอเติมคำที่มูลนิธินี้ปิดซ่อนไว้หลังพระว่า "เพื่อยกความดีความชอบทุกอย่างให้กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อให้ทรงเป็นเอกมหาราชาแห่งราชาทั้งปวง"

ปิดทองหลังพระแต่ในคำพูดนะซิ 
กูเห็นใครๆ ก็อยากให้คนรู้กันทั้งนั้นว่า "กูไปปิดทองหลังพระมานะโว้ย"

* * *
(3)


ไอโฟน รถแพง มีเงินซื้อ

ก็เป็น "คนดี" นี่คะ/นี่ครับ
เป็นห่วง "คนจน" กลัวว่าจะไม่มัปัญญาซื้อไข่น่ะค่ะ/นะครับ

แต่ขอโทษอย่ามา "เสือก" เรื่องไอโฟน และเรื่องรถของกู
อุ๊ยขอโทษ หยาบไปหน่อย

ต้องบอกว่า ขอความกรุณาอย่ามาตั้งคำถามเรื่องไอโฟนเรื่องรถขอเดี้ยนนะคะ/ของผมนะครับ
คนมันเกิดมาไม่ทำกัน

แค่เดี้ยน/แค่ผมลุกมาห่วงใยเรื่องไข่แพงกลัวคนจนจะไม่มีปัญญาซื้อนี่
ก็ทำบุญทำคุณกับคนจนมากมายนักแล้วนะค่ะ/ครับ

ไปก่อนนะคะ มีนัดเสริมสวยที่สปาค่ะ!
* * *


(4)

ประเทศไทยเต็มไปด้วยบทเรียนแห่ง "ความอยุติธรรม" ที่บิดเบี้ยวและหลายมาตรฐาน

เชื่อว่าเกือบทุกครอบครัวในประเทศไทยพบเห็นหรือมีบทเรียนที่เจ็บปวดเรื่องนี้ด้วยตัวเองกันทั้งนั้น

ปัญหาเรื่อง "ความยุติธรรม" ในประเทศไทยจึงไม่ใช่เรื่องไม่รู้ว่า "ความยุติธรรม" คืออะไร

แต่เป็นเรื่องการพยายามอย่างทุกทางของคนที่เป็นอภิสิทธิชนทั้งหลายยที่จะทำลาย "ความยุติธรรม" และดึงให้มันเอียงมาอยู่ข้างตัวเองให้มากที่สุด

การจะสู้ให้ "ความยุติธรรม" มันมีมาตรฐานเดียว จะสำเร็จก็ต่อเมื่อทั้งสังคมยอมรับว่าประเทศชาติเป็นของประชาชนทุกคนร่วมกันและอย่างเท่าเทียมกัน
-------------------------------
ลองดูตัวอย่างจากคดีลูกอภิสิทธิชน
คดีหมูแฮมและคดีแพรวาฮะ

คดีหมูแฮม
http://news.mthai.com/headline-news/222035.html

คดีแพรวา
http://news.ch7.com/detail/3493/ญาติผู้ตายพอใจคำตัดสินคดี_แพรวาขับรถชน_9_ศพ.html
* * *

(5)

จะตรวจสอบว่าสังคมไทยมันแฟร์และปกติหรือไม่ ง่ายนิดเดียว ด้วยการลอง

1) ถามคำถามแบบเดียวกับที่ทำกับนักการเมือง หรือ 
2) กระทำแบบเดียวกับที่ทำกับนักการเมือง หรือกับทหาร หรือกับศาลก็ได้อ่ะ กับ "ในหลวงและสมาชิกราชวงศ์" ดูซิ ว่าทำแบบเดียวกันได้หรือไม่?

29 พ.ค. 13


ศาลมีคำสั่ง ฟาบิโอช่างภาพอิตาลี ตายระหว่างสลายชุมนุมปี 53 จากกระสุนความเร็วสูง มาจากฝั่งทหาร via @anuthee ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://news.voicetv.co.th/thailand/71054

นี่คือภาพของช่างภาพชาวอิตาลี ฟาบิโอ โปเลนยี ที่ถูกทหารยิงเสียชีวิตเมื่อ 19 พฤษภาคม 2556
วันนี้ศาลสรุปคดีเขาว่า กระสุนปืนมาจากฝั่งทหาร

วันนี้ครอบครัวของเขา - แม่และพี่สาวสองคนเดินทางมาจากอิตาลีมาร่วมรับฟังคำสรุปคดี และไปร่วมแถลงข่าวที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ

แม้ว่าจะถูกกดดันอย่างหนัก ครอบครัวโปเลนยีปฏิเสธรับเงินเยียวยาและยืนยันว่าจะขอทวงความยุติธรรมให้กับลูกชายและพี่ชายจนถึงที่สุด

ประเทศไทยยังไม่เคยเห็นความยุติธรรมถึงที่สุดจากการสังหารหมู่ประชาชน

หวังว่าคดีฟาบิโอจะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับกระบวนยุติธรรมของประเทศไทย
และหวังว่าจะสามารถตามจับตัวทหารที่ยิงเขาจนเสียชีวิต ตลอดจนคนสั่งให้ใช้กระสุนจริงทุกระดับจะมารับโทษได้สำเร็จ

ฟาบิโอคงไม่ตาย ถ้าทหารไทยไม่เห็นประชาชนเป็นผักปลาจะเข่นฆ่าสังหารอย่างไรก็ได้

เริ่มแล้ว การแถลงคดีฟาบิโอ ที่สมาคมผู้สื่อข่าว ตปท

ครอบครัว ฟาบิโอ โปเลนยี ได้ต่อสู้อย่างยืนหยัดมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2553 เพื่อยืนยันกับคนไทยว่า "ความยุติธรรม" มันมีจริง และต้องมีจริงในประเทศไทย!


ความกล้าหาญของครอบครัวโปแลนยี กำลังสอนสังคมไทยว่า "ความยุติธรรมเป็นเรื่องที่ซื้อกันไม่ได้ และประนีประนอมไม่ได้"

ขอคาราวะครอบครัวโปเลนยี
* * *

ศาลอาญากรุงเทพฯ ใต้ สรุปการไต่สวนสาเหตุการตายฟาบิโอ โปเลนยี ช่างภาพอิตาเลียนที่ถูกยิงเสียชีวิตระหว่างการสลายชุมนุมเสื้อแดง พ.ค. 53 ว่าทิศทางของกระสุนมาจากฝั่งของทหาร แต่ระบุยังไม่ทราบใครเป็นคนกระทำ

อ่านรายละเอียด ประชาไท "ศาลสรุปช่างภาพอิตาลีตายจากกระสุนฝั่งทหาร"

* * *
BBC
After three years with determination of Fabio Polenghi's family to fight for justice for Fabio, today 'Thailand court says Italian journalist 'killed by army bullet.'

A Thai court has found that an Italian journalist shot during anti-government protests in 2010 was killed by a bullet used by soldiers.


* * *

นึกถึงการยืนหยัดของครอบครัว Polenghi ถ้ากูตายเพราะทหารหรือเพราะการกระทำของมาเฟียใดก็ตาม กูก็อยากให้ครอบครัวกูปฏิเสธเงินตอบแทนปิดปาก และสู้เพื่อความยุติธรรมให้ถึงที่สุด

แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่ไม่อาจขอร้องกันได้โดยเฉพาะกับครอบครัวชาวนาธรรมดาที่ไม่มีเส้นมีสายอะไร และมีความเสี่ยงต่อการถูกคุกคามต่างๆ นานา

นี่คือสัจธรรมในประเทศไทย แม้จะสู้เพื่อความยุติธรรมตามครรลอง ก็เป็นความเสี่ยงถึงขั้นชีวิตและนำความเดือดร้อนมาสู่ตัวเองและครอบครัวได้

28 พ.ค. 13

ชาว "มึงไทยมาก" ทั้งหลาย ยังหลงอยู่ในนิยายเพ้อฝันจักรๆ วงศ์ๆ ว่า ...

ชาติไทยเจริญรุ่งเรือง (แบบคิดไปเอง)
สงบสันติ (แบบคิดไปเอง)
มีเอกลักษณ์ไทยที่สูงส่งเหนือกว่าชาติใดในโลก (คิดไปเองอีกนั่นล่ะ)
ผสกนิกรต่างมีความสุขอยู่ดีกินดี (แบบคิดไปเอง)
เพราะพระบรมโพธิสัมภาณ (แบบคิดเองเออเองอีกนั่นล่ะ)

(1)

ถ้าคนไทยไม่ว่าใครก็ตามที่ปรากฎโฉมต่อสื่อโลก ไม่ได้พกพา "ความเป็นไทยมาก" และ "พระฉายาลักษณ์" ไปด้วยอย่างเต็มที่ ก็จะถูกรุมยำจากชาวไทยมากทั้งหลายามกลับประเทศไปตามระเบียบฮะ!
* * *
นี่คือคนที่จบคณะเดียวกับจรรยา มหาวิทยาลัยเดียวกับจรรยา แต่โชคดีไม่ได้เรียนเอกและโทเดียวกัน มิฉะนั้นกูคงโมโหยิ่งกว่านี้

อ่านแล้วขอเอามาประจานเป็นตัวอย่างนะฮะว่า ...
การศึกษาไม่ได้ทำให้คนมีเหตุผลหรือรู้จักคิดไปหมดทุกคนเลยฮะ

การเลือกข้างการเมืองแบบ "ไม่ชนะไม่เลิก" สร้างฟาสซิสต์คลั่งเจ้าที่โหดเหี้ยมและตรรกะหายหมดสิ้น

มิหนำซ้ำยังกล้าใส่ "หน้ากากเวนเดตต้า" เป็นโพรไฟล์ และ ประกาศกร่างว่า "ไม่อยากถูกยิงหัว มึงก็อย่าชุมนุมผิดกฎหมาย"

ที่ยกคำกล่าวคนนี้มาประจานเพราะเขาเป็นฟาสซิสต์คลั่งเจ้า ที่อัดฉีดความคลั่งอย่างต่อเนื่องและมีผู้ติดตามไม่น้อยเลย

จึงจำเป็นที่จะต้องประจานวิถีคิดฟาสซิสต์แบบปูจิตกร โดยเฉพาะเมื่อเขามีอิทธิพลทางความคิดกับพวกรอยัลลิสต์จำนวนไม่น้อยทีเดียว
-------------
@ปู จิตกร บุษบาเกินเยียวยานะ ไอ้เนี่ย
--- อารักษณ์ ครับผม:: แล้วที่พวกมึงออกมาปฎิวัติฉีกรัฐธรรมนูญ ยุบพรรคเค้าไปทั่ว ตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร ยิงหัวคนเล่น เรียกว่าคุกคามสิทธิเสรีภาพรึป่าววะ ไอ้กร๊วก
โปรดสัตว์สักหน่อยก็ได้1.ถ้ารัฐบาลตอนนั้นไม่เหี้ย เขาจะปฏิวัติทำเหี้ยอะไร2.ถ้าไม่โกงการเลือกตั้ง ใครจะยุบพรรคพ่อมึงได้3.ถ้าในสภาไม่โหวตเลือก จะตั้งรัฐบาลในค่ายทหารได้ยังไง4.ไม่อยากถูกยิงหัว มึงก็อย่าชุมนุมผิดกฎหมาย เป็นควายให้เขาหลอกไปตายแทนเหี้ยสิคร๊าบบบ
* * *

(2)

รับไม่ได้ทั้งนั้นและไม่คบเป็นเพื่อนด้วยเด็ดขาดฮะ ไม่ว่าจะเป็น ...

กับคนเหลืองคลั่งฟาสซิสต์ที่สมน้ำหน้าคนตายที่ราชประสงค์และเขียนว่า "ไม่อยากถูกยิงหัว มึงก็อย่าชุมนุมผิดกฎหมาย"

หรือกับคนแดงฟาสซิสต์ที่พูดว่าคนที่ตายเพราะยาเสพติดและความรุนแรงที่ภาคใต้ ว่าเป็นเพราะพวกเขา "ชะตาขาด" เอง

แม้ว่าจะเชื่อในหลักเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นต่างอย่างเต็มที่

แต่เส้นแบ่งแห่งการคบกันไม่ได้หรือเป็นเพื่อนกันไม่ได้สำหรับกูอยู่ที่คนนั้น "ไม่ยี่หร่ะหรือหัวเราะเยาะและสมน้ำหน้าให้กับความตายที่ถูกพราก" เพียงเพราะต่างสี ต่างศาสนา ต่างเชื้อชาติ ต่างเผ่า หรือต่างค่ายการเมือง
* * *
ความตายที่ถูกพรากอย่างผิดกฎหมายและอย่างเหี้ยมโหดเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ และทุกความตายเหล่านั้นมีสิทธิได้รับความยุติธรรม
* * *

(3)

สถานการณ์สังคมและการเมืองไทยนับตั้งแต่ 2548 เป็นต้นมา ทำให้กูต้องอยู่กับคติประจำใจเสมอว่า "กูจะอึดให้ได้มากกว่ามึง 1 วัน - One Day Longer" มาจนถึงบัดนี้

เพราะนอกจากการเมืองรัฐสภาจะเล่นเกมกันจนหัวหมุน
การเมืองมวลชนแนวร่วมนอกสภาก็แรงและล่อกันซะเละ ชนิดหาหลักการไม่ค่อยเจอกันสองฝ่าย
การเมืองเหนือหัวก็ไม่เป็นสุภาพบุรุษ ไม่ทำตัวสมกับยศถาบรรดาศักดิ์
ความรุนแรงแห่งการใช้กำลังกับประชาชนก็ยังไม่หยุดหย่อน
การใช้กฎหมายปิดปากประชาชนก็ยังใช้กันอยู่ทุกครั้งที่อยู่ในอำนาจไม่ว่าจะฝ่ายไหน

เฮ้อ! เอาเถอะ ได้แต่หวังว่าในท้ายที่สุด - ไม่ว่าจะกี่ปีก็ตาม -สังคมมันจะค่อยๆ จูนเข้าหากันและยอมรับกันได้ที่ "หลักการ" ในที่สุด

จะ "One Day Longer" ก็จะ "อึดให้ได้มากกว่ามึงหนึ่งวัน" ล่ะวะ ... แม้ว่าจะต้องอึดจนตาย ฮา ฮ่า! 
* * *

(4)

Thongtouch Theparak

ภาพสวยและสื่อความหมายดีฮะ

ทำให้นึกถึงหนังสือเบื้องหลังหน้ากาก ที่แปลโดยอาจารย์อู่ทอง ประศาส์นวินิจฉัย ที่เป็นหนังสือที่นักศึกษาสังคมวิทยาและมนุษยวิทยาใช้อ่านเพื่อทำความเข้าใจชุมชน

เป็นหนังสือที่อ่านแล้วติดความรู้สึกอีกเล่มหนึ่ง ที่เตือนให้ต้องนึกถึงเบื้องหลังหน้ากากที่เข้าใจยากมากของสังคมอยู่เรื่อยๆ โดยเฉพาะสังคมไทยยามนี้

27 พ.ค. 13


posted by Nefeli

"เมื่อหัวสมองเต็มไปด้วยความกลัว มันก็จะไม่มีพื้นที่ว่างให้กับความฝัน"

* * *

"เช เกบารา vs เช กูจะบ้า"

“หากท่านรู้สึกโกรธจนตัวสั่นต่อความอยุติธรรมใดๆ ท่านคือสหายของข้าพเจ้า”
เช เกบารา
(อาร์เจนตินา)
------------------------------------------------
“หากท่านรู้สึกโกรธจนตัวสั่นเมื่อเห็นประชาชนมีอำนาจ ท่านคือสหายของข้าพเจ้า”
เช กูจะบ้า
(ทุยแลนด์)
* * *
กูยังนึกถึงอยู่เมื่อวานว่า "เวนเดตต้า" ก็ออกมาปกป้องเจ้าแล้ว เดี๋ยวเช กูวาร่ามา จะต้องตามมาแน่ๆ
ไม่ทันข้ามวันเลย มาจริงๆ ด้วย

ยังเหลือทรอสกี้, เลนิน, คาร์ลมาร์ก, เหมา, ลินคอน, มาร์ติน ลูเธอร์คิงส์ ขุดกันมาหนุนเจ้าให้หมดนะจ๊ะ

หมดชุดนี้แล้ว เดี๋ยวจะช่วยนึกชุดใหม่ให้นะ

เหอ เหอ เหอะ เหอะ

* * *

ท่าจะต้องบอกรมต. กระทรวงศึกษาธิการให้บรรจุหลักสูตร "นักคิดนักต่อสู้ที่มีชื่อเสียงในโลก" ไว้เป็นวิชาแบบเรียนซะแล้วว่ะ

แม่งไม่เคยเรียนรู้หรือทำความรู้จักกับนักคิดนักสู้คนสำคัญๆ ของโลกกันเลย แต่ดันไปก๊อปปี้วาทกรรมและสัญลักษณ์ของพวกเขามาใช้อ้างปกป้องเจ้ากันมั่วๆ ไปหมดแล้วตอนนี้ ...

คนไทยที่ชินกับการก๊อปปี้ทุกอย่างแล้วอุปโลกภ์ว่าเป็นของตัวเองภายใต้ชื่อเติมท้ายว่า "ไทยๆ" ซะจนชิน จนไม่สนและไม่มีความละอายใจเลยสักนิดว่าได้ก๊อปปี้เขามาใช้ตรงข้ามกับความหมายและนิยามต้นฉบับอย่างสุดขั้วเช่นนี้

ประเภทเจ้าของฟื้นมาจากความตายต้องขอตาย ณ ตรงนั้นอีกครั้งแน่ๆ เมื่อรู้ว่าร้อยปีหรือสองร้อยปีผ่านไป มนุษย์โลก (ชาวไทย) ช่างเพี้ยนและมั่วกันไปได้ซะขนาดนี้
* * *

ขอร้องล่ะฮะ พวกคลั่งเจ้าอย่าทำราวกับว่าในโลกนี้มีแต่ในหลวงเท่านั้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในจักรวาลเลยฮะ แค่พวกท่านลุกมาจะดิ้นตาย ขู่จะฆ่าคนอื่นให้ตาย เมื่อคนไทยด้วยกันเองไม่เห็นด้วยว่าพระองค์ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทยเนี่ย

กูก็อายประชาชนชาวโลกเขาจะแย่อยู่แล้ว!!!

26 พ.ค. 13

(1)

การสู้เพื่อการเปลี่ยนแปลงสังคมมันก็หวังผลตอบแทนกันทุกคนจริงๆ ล่ะ แต่จะหวังกันจบที่ระดับไหน ระดับตัวเองและครอบครัว หรือหวังการเปลี่ยนแปลงระดับโครงสร้างการเมืองประเทศไปด้วย ...

การที่จรรยาเปิดประเด็นตลอดเรื่องยกเลิก 112 และประเทศไทยต้องเปิดเรื่องเสรีภาพ ก็หวังเพื่อตัวเองด้วยอยู่แล้ว เพราะมันอึดอัด อยู่ลำบากและรู้สึกถูกริดรอนสิทธิ์และศักดิ์ศรีความเป็นคนอยู่ตลอดเวลาในประเทศไทยเมื่อมันไม่มีเสรีภาพ ก็ต้องพูดเรื่องนี้ พูดในประเทศไม่ได้ก็ต้องพูดที่ต่างประเทศ

ส่วนเรื่องการเปิดประเด็นเรื่องสวัสดิการประชาชนก็หวังนั่นล่ะว่า จะไม่ต้องทำงานเป็นบ้าจนตาย เพราะรัฐวางโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคมที่ดูแลประชาชนเอาไว้ให้ คนจะได้มีเวลา relax และผักผ่อนกันบ้าง ไม่ต้องกังวลว่าป่วยจะทำไง ตกงานจะอยู่ยังไง จะส่งลูกเรียนได้อย่างไร แก่จะอยู่ยังไง อาเมน

หวังนี้ก็เพราะต้องการการตอบแทนเหมือนกันเพราะคิดว่าตัวเองคงจะทำงานจนแก่ตายไม่ไหวแน่ ถ้าระบบมันไม่ดูแลตัวเองตอนแก่ด้วย ...

แต่เรียกร้องให้ดูแลตัวเองฝ่ายเดียวแบบทุนนิยมสุดโต่งที่อยู่บนฐานคิดให้คนแข่งขันกัน "มือใครยาวสาวได้สาวเอา" จรรยาคนมือสั้นและไม่อยากแข่งขันก็ไม่เอาด้วย แต่ชอบวิธีสังคมนิยมประชาธิปไตย (จริงๆ) มากกว่า คือถ้าสำเร็จก็คือนโยบายที่ให้กับทั้งสังคมไปเลย ยกโขยงไปด้วยกันทั้งหมู่ ... ก็สู้ด้วยการอิงทฤษฎีการเมืองนี้

ไม่มีใครไม่ทำงานและทุ่มเทเพื่อสังคมกันโง่ๆ โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนหรอก ยื่งหวังสูงก็ยิ่งต้องอดทนสูง ก็ยิ่งต้องพยายามมาก เป็นเรื่องปกติธรรมดา

แน่นอนเงินเป็นปัยจัยสำคัญในการสู้และใช้ชีวิต เพราะทุกอย่างมันต้องซื้อและต้องจ่าย แต่มันก็มีระดับของการซื้อการจ่ายและการประมาณตนเหมือนกัน แต่เงินและผลประโยชน์ ไม่ใช่เครื่องล่อหลอกหรือแรงบันดาลใจแห่งรางวัลงามยามสำเร็จเสมอไป

ท้ายที่สุดเป้าหมายที่แต่ละคนตั้งไว้คือรางวัลแห่งความสำเร็จ

* * *
(2)

วันนี้จรรยารู้สึกผิดจริงๆ ฮะ

ที่ตัวเอง "สามารถ" เลือกออกจากกะลาแลนด์ และมาปากกล้าที่ต่างแดน เลือกมาอยู่มาใช้เสรีภาพในการพูด ในการเขียน จากดินแดนที่เสรีภาพเบ่งบาน จนอาจจะสร้างความไม่สบายใจให้กับหลายคนที่ยังติดอยู่ในราชอาณาจักรไทย ที่ไม่สามารถพูดและเขียนได้อย่างใจนึก

ขอโทษฮะ ที่เขียนและพูดอย่างคนรู้จักเสรีภาพและใช้เสรีภาพ
ขอโทษฮะ ที่การใช้เสรีภาพในการพูดและเขียนของจรรยาทำให้ท่านไม่สบายใจ
ขอโทษฮะ ที่การใช้เสรีภาพในการวิจารณ์ของจรรยาไปริดรอนเสรีภาพที่ต้องเซ็นเซอร์ตัวเองของท่าน

ขอโทษจริงๆ ฮะ!
* * *

(3)

10 การประท้วงที่เปลี่ยนโลก!!!


 
น่าดูฮะ แม้ว่าจะรู้สึกว่ายังขาดไปอีกหลายประเทศ

คงต้องเพิ่มสารคดีเป็น 20 การประท้วงที่เปลี่ยนโลก

แต่แหม ดูไปก็เศร้าใจนะฮะ ที่การประท้วงในไทยหลายครั้ง (โดยเฉพาะ 14 ตุลาฯ และ 6 ตุลาฯ) มีโอกาสอยู่ในการบันทึกนี้ แต่เพราะมันไม่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงในไทยได้จริง แม้คนจะตายหลายร้อยคน มันก็เลยไม่ถูกจัดอยู่ในบันทึกนี้
* * *

(4)

ทหารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ศาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ตำรวจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ข้าราชการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
รัฐบาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ประเทศไทยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
คอมมิวนิสต์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ตอนนี้หันมาโหมประชาสัมพันธ์
ประชาชนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

อุ๊แม่เจ้า! ยังมีอะไรเป็นของประชาชนอยู่บ้างไหมเนี่ยใน "ประเทศไทย"
* * *

(5)

อืม! เกือบจะคิดจะเชื่อว่ากูเรียนจบสังคมศาสตร์การพัฒนามาอย่างผิดๆ และอย่างบ้าๆ แน่ๆ ที่ทำให้กูคิดและเชื่อว่าสังคมมันต้องเฉลี่ยทุกข์ เฉลี่ยสุข และดูแลกันไปทั้งสังคม และทำให้ช่องว่างทางชนชั้นมันแคบลง ไม่ใช่กว้างสุดโต่งติดอันดับโลกเช่นนี้

แต่เมื่อคืนก่อนคุยกับคนฟินน์ เขาบอกว่า คนฟินน์โตมากับการอบรมสั่งสอนกันมาว่า อย่าใช้ชีวิตที่หรูหราฟู่ฟ่าหรือดูเด่นเหนือกว่าเพื่อนบ้านหรือเพื่อนฝูง

อ่านะ มันช่างขัดกับวิถีคิดสังคมไทยจริงๆ นะ ที่ส่งเสริมให้คนจำนวนไม่น้อยทำทุกทางเพื่อมีชีวิตที่ต้อง "ดี" "เด่น" "ดัง" "รวย" เก่ง" กว่าเพื่อนกว่าฝูง

กูชักรู้สึกว่า เออ! ถ้ามันจะไม่ต้องกลับประเทศไทยจริงๆ กูอยู่ฟินแลนด์ต่อไปก็ได้วะ แม้คนจะเย็นชาไม่เป็นมิตรกันง่ายเท่าไรนัก แม้ว่าประเทศจะหนาวเย็นเกือบทั้งปี แต่หลักพื้นฐานในความคิดเรื่องมนุษย์และเรื่องเสรีภาพของคนที่นี่มันน่ารักจริงๆ

25 พ.ค. 13 (2)

ระลึกถึงพี่สมยศ และนึกถึงความกดดันต่างๆ ที่พี่สมยศต้องเผชิญทั้งสภาพโหดร้ายในคุก ปัญหาสุขภาพ และความกดดันด้วยความปรารถนาดีจากหลายคนที่ห่วงใย ที่คิดว่าการยอมรับผิดเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษ น่าจะเป็นทางออกเดียวตอนนี้ที่จะทำให้พี่สมยศได้ออกจากคุกเร็วที่สุด

ต้องยอมรับและชื่นชมจริงๆ ว่าพี่สมยศเข้มแข็งมากที่ยืนหยัดได้อย่างมั่นคงและมียึดมั่นในศักดิ์ศรีจนถึงตอนนี้

เป็นกำลังใจให้พี่สมยศไม่ว่าพี่จะตัดสินใจเลือกทางไหนก็ตาม

25 พ.ค. 13

(1)

ตราบใดที่สำนึกของข้าราชการไทยยังถูกบ่มเพาะกันแต่เพียงว่า "เป็นข้าฯ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" กันอยู่แค่นี้

แม้รัฐบาลที่ประชาชนเลือกตั้งมาจะกู้เงินมาโปะงบประมาณขาดดุลปีละ 30-40% (เพื่อมาเพิ่มเงินเดือนสวัสดิการข้าราชการปีละกว่า 10% ไม่เคยขาด)

หรือจะกู้เงินหรือขายโครงการเป็นเงินสามแสนล้าน หรือสองล้านล้าน เพื่อโครงการพัฒนาประเทศได้เก่งแค่ไหนก็ตาม

เงินจำนวนมากก็จะถูกใช้อย่างรั่วไหลในนามเพื่อ "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว"

และผู้ใช้ทั้งนักการเมือง ทหาร ตำรวจ ข้าราชการ ก็จะไม่ใช้มันอย่าง 1) ไม่เคารพประชาชนผู้ร่วมแบกรับผลกระทบจากการต้องหาเงินมาใช้หนี้เหล่านี้ 2) ไม่ใส่ใจว่าเงินที่ใช้ได้ก่อประโยชน์สูงสุดหรือไม่ และ 3)ไม่ประมาณการอย่างรอบคอบว่าการใช้เงินเหล่านี้จะสร้างปัญหาให้ต้องแก้ไขกันในระยะยาวหรือไม่อย่างไร

ตราบใดที่นักการเมืองและลูกจ้างรัฐที่คุมและกำกับนโยบายเหล่านี้ยังไม่มีจิตสำนึกแห่งการ "เป็นลูกจ้างประชาชน" งบประมาณแผ่นดินของประเทศไทยก็ไม่ได้ถูกใช้อย่างมีจิตสำนึกรับผิดชอบ

เราตรวจสอบและกำกับนักการเมืองได้แค่ไหน?
เราตรวจสอบและกำกับลูกจ้างรัฐได้มากแค่ไหน?
ถ้าการเมืองไทยยังอิงอยู่กับคำนิยามมากมายที่ปิดปากประชาชนอยู่ อาทิเช่นคำว่า "ข้าฯ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" กันอยู่เช่นนี้!

* * *
(2)

ฝากนิดนะฮะ

เวลาจะเชลียร์ใคร หรือยกย่องใครอย่างสุดลิ่มทิ่มประตูกันเนี่ย ... ฝากคิดทางหนีที่ไล่เวลาเทวดาตกสวรรค์หรือเวลาเขา "ดีแตก" กันบ้างนะฮะ

คนมันก็เหมือนกันหมดนั่นล่ะ ถ้าทำอะไรบ้างในชีวิตนี้มันก็มีร่องรอยบาดแผลและความผิดพลาดทิ้งให้เห็น ให้วิจารณ์ ให้ด่า กันได้ทุกคนล่ะ

คนที่ "ดีหาที่ติมิได้" มักจะเป็นคนที่ไม่เคยทำอะไร "ด้วยตัวเอง" เลย มีแต่ให้คนอื่นทำให้ เพื่อจะได้อ้างให้พ้นตัวได้ตลอดเวลาว่า "กูไม่ได้ทำ" "กูไม่ผิด" "กูดีที่สุด"

อนึ่งคำเตือนนี้ กูก็ใช้กับกูด้วยฮะ เพราะกูเองก็ไม่ใช่เทวดาหรือคนดีไม่มีที่ติอะไร ทำงานมาจะ 30 ปี กูก็ไม่ใช่แต่ทำดีเลิศประเสริฐศรีหาที่ติไม่ได้ กูก็สร้างปัญหาและผลกระทบทั้งกับตัวเองผู้ร่วมงาน และคนรอบข้าง ไว้ให้เป็นบทเรียน ไว้ให้ศึกษาวิพากษ์อยู่เยอะเหมือนกันฮะ

กำลังคิดเหมือนกันว่า "อยากเป็นคนดี" แต่ไม่รู้จะทำได้ยังไง อิ อิ
* * *

(3)
จรรยายืนยันว่ากูอยากเป็นนักเขียน อยากจะเขียนเรื่องเมืองไทย อยากเขียนเรื่องปัญหาเมืองไทย โดยเฉพาะปัญหาแรงงานและปัญหาสังคม

เข้าใจฮะว่าทำอย่างอื่นอาจจะได้เงินมากกว่า และจะสบายกว่านี้

และก็ขอบคุณทุกความห่วงใยและคำแนะนำว่า ทำไมไม่ทำอย่างนี้ล่ะ ทำไมไม่ทำงานนั้นล่ะ ทำไมไม่ทำเรื่องขอลี้ภัยล่ะ บลา บลา

ถ้าการพยายามขายหนังสือทุกเล่มล้มเหลว และขายไม่ได้จริงๆ จรรยาจะยอมแพ้ฮะ จะเลิกเขียน เลิกเขียนหนังสือขาย และก็จะไปทำอย่างนั้น อย่างนี้ตามที่แนะนำกันมานะฮะ

ขอบคุณมากๆ
* * *

(4)
เครียดมากไม่ดี 
เอาฮากันหน่อยฮะ

* * * 
(5)


Britain's Queen Elizabeth II toured Cambridge yesterday by bus, after arriving on a public train

รู้สึกวังอังกฤษจะอ่อนไหวกับคำวิจารณ์มาก เดี๋ยวนี้ไปไหนมาไหนกันก็ไม่เป็นขบวนใหญ่ เดินทางด้วยรถสาธารณะ ทั้งรถไฟ หรือรถบัส

แหม วังอังกฤษต้องทำงานกันหนักมาก กลัวประชาชนจะไม่รัก
และก็ใช้กฎหมายหมิ่นกษัตริย์จับคนไม่รักเข้าคุกไม่ได้ด้วยซิ

ถ้าวังไทยอ่อนไหวและปรับตัวด้านภาพลักษณ์ต่อสาธารณชนทั้งคนไทยและต่างชาติบ้างก็คงจะดีนะ บ้างเมืองไทยจะได้สงบสุขกันได้เสียที
* * *

(6)
นอกจากหน้ากากเวนเดตต้า และสัญลักษณ์คอมมิวนิสต์ถูกใช้อย่างผิดๆ แล้ว ต่อไปอาจจะไปขุดคำพูดเลนินที่โค่นพระเจ้าซาร์ของรัสเซียมาใช้ผิดๆ หรือถึงขั้นไปขุดคำประกาศคอมมิวนิสต์ของมาร์กขึ้นมาใช้เพื่ออ้างปกป้องสถาบันกษัตริย์ก็ได้น่า

คาดเดากับสลิ่มคนคลั่งเจ้าไทยไม่ได้นะ เพราะพวกเขาสนใจแต่ "ความเท่ห์ ไม่สนใจนิยามความหมายหรือที่มาใดๆ ทั้งสิ้น"


Thongchai Pongpan

24 พ.ค. 13 (2)

อ้าวกูเจอด้วย

คุยกับน้องคนหนึ่งอยู่ อ้าวกูก็ถูกนำไปพูดถึงอย่างไม่เข้าใจถึงเมืองไทยว่าเรียกร้องเงินทำกิจกรรมยกเลิก 112

จริง กูยอมรับว่าในช่วงสองสองปีแรกที่อยู่ยุโรป จรรยาตั้งใจจะลุยเรื่องเมืองไทยเต็มที่โดยเฉพาะรณรงค์เรื่องนักโทษการเมืองและยกเลิก 112 คิดเรื่องทำงานกับคนไทยที่ยุโรปเรื่องนี้ เพราะเห็นว่าคนไทยที่ยุโรปสองสามแสนคนและก็แอคทีพเรื่องเมืองไทยก็อาจจะมีศักยภาพสนับสนุนการทำงานเพื่อเมืองไทยตาสว่างจากยุโรปได้ ก็ตระเวณเรียนรู้และทำความรู้จักกับกลุ่มคนเสื้อแดงเกือบทุกกลุ่มที่นี่

โดยเฉพาะช่วงที่พี่จรัลอยู่ ก็ได้พยายามจัดกิจกรรมและชวนกูเข้าร่วมด้วย พวกเราก็คุยกันเรื่องการทำงานร่วมกันที่ในหมู่คนไทยหลายประเทศ และทั้งกูและพี่จรัลก็พูดกันชัดเจนว่า ต้องขอให้ช่วยกันลงขันให้กูได้ทำงานนะ เพราะกูไม่ได้มีเงินเดือน ถ้าคนไทยที่ยุโรปช่วยกันลงขันได้ ก็จะทำให้ทำงานได้คล่องขึ้น

ก็กลายเป็นเรื่อง กลุ่มคนเสื้อแดงที่ยุโรปไม่เข้าใจ ที่ชินกับการให้ทานและสร้างวัด ก็ทำกับกูยังกับขอทาน เอาไปนินทากันอย่างกับเป็นหมูเป็นหมา เอาเรื่องเงินไปโจมตีกูแบบมั่วๆ และไม่เข้าใจ และไม่เอาข้อเท็จจริงไปพูดกัน

ปัญหาที่แท้จริง ไม่ได้อยู่ที่คนที่นี่อยู่สนับสนุนการทำงานกูหรือใครก็ตามเรื่องเมืองไทยไม่ได้ (ระดมเงินสร้างวัดไทยกันปีละ 5 ล้าน 10 บาทก็ทำกันได้สบายมาก - คนไทยมีปัญญาระดมเงินช่วยเรื่องการต่อสู้เพื่อเมืองไทยถ้าตั้งใจจริงๆ

แต่ปัญหามันอยู่ที่คนที่นี่ยังไม่ตกผลึกและไม่เห็นร่วมกันในเรื่องการรณรงค์ยกเลิก 112 (หลายคนยังกังวลว่าจะได้รับผลกระทบและทำให้ไปเมืองไทยไม่ได้) และเกือบทุกกลุ่มไม่เห็นด้วยกับประเด็นที่กูดันมากคือ การเรียกร้องให้หันมาดูแลปัญหาค้าแรงงานไทยมายุโรปกันด้วย ซึ่งคนเสื้อแดงส่วนใหญ่ที่ยุโรปไม่เอาเรื่องนี้ (มีความซับซ้อนหลายเรื่องในเรื่องนี้ที่ไม่สามารถพูดได้มากนัก)

คนเสื้อแดงที่ยุโรปที่กูรู้จัก ที่ตื่นตัวทางการเมืองตั้งแต่ 2552 - 2553 ต่างพากันคิดว่าตัวเองเสียสละที่สุดเพื่อการเมืองไทย โดยไม่เข้าใจการทำงานของคนที่ทำงานทั้งชีวิตด้วยอุดมการณ์เพื่อสังคมไทยเท่าเทียม

ปัญหาเรื่องการโจมตีจรรยาจากคนเสื้อแดงที่ยุโรป เรื่องหนึ่งก็เพราะการไม่เข้าใจเรื่องวิถีคิดเรื่องการทำงานของนักต่อสู้เรื่องสิทธิ

พวกเขาไม่เข้าใจว่ายังมีคนทำงานเพราะอุดมการณ์และทำงานกันมานานแล้ว ทำงานกันมาทั้งชีวิต โดยไม่ได้มุ่งสร้างชื่อเสียงและความเด่นดัง (กูรู้จักหลายคนเลยที่ทำงานเบื้องหลังไม่เปิดเผยชื่อ)

พวกเราลองดูคนที่ทำเรื่องสื่อตาสว่างตอนนี้ซิ หลายคนทำงานกันมาทั้งชีวิต ไม่เปิดเผยหน้าตาและตัวตน และก็ไม่ได้หน้าตาชื่อเสียงหรือคำขอบคุณเลย รวมทั้งไม่ได้รับการสนับสนุนกิจกรรมกรรม และพากันควักเนื้อกันหมดตัวกันทุกคน

จะดูแลกันก็ต่อเมื่อกูเข้าคุก 112 เท่านั้นหรือ แล้วพากันบีบให้กูขอพระราชอภัยโทษเหมือนที่ทำกับพี่สมยศกันเท่านั้นหรือ?

ขอโทษนะ กูคนมีชื่อ มีศักดิ์ศรี สามปีนี้กูหมดเงินเยอะมาก กู้หนี้ยืมสินมาก็หลายแสนเพื่อจะได้ศึกษา เขียนและพูดเรื่องเมืองไทย

การขอความสนับสนุนก็เป็นเรื่องที่ทำกันทุกขบวนการ ทุกกลุ่มคนเสือ้แดง เพราะพวกเรา เพราะกูหรือใครก็ตามอยากทำงาน ไม่ใช่เพราะอยากสบาย

ในเรื่องนี้กูยอมรับว่า กูคิดผิด ที่คิดว่าคนเสื้อแดงที่ยุโรปจะเข้าใจอุดมการณ์การทำงานและเห็นด้วยและสนับสนุนกับการทำงานของกู ไม่ได้คิดเรื่อง "ทำบุญทำทาน" กับกู

กูก็อุตสาห์นิ่งไม่เผยแพร่รายงานการเงินชิ้นนี้ ที่ทำสรุปกิจกรรมและทำรายงานการเงินที่ได้รับการสนับสนุนมาในปี 2554 และปล่อยให้กระแสวิจารณ์กูไปต่างๆ นาๆ ดำรงต่อมาจนถึงบัดนี้

แต่วันนี้ เพื่อเพื่อนฝูงหลายคนที่อาจจะเลิกคบกับกู เพราะได้รับข้อมูลคลาดเคลื่อน ก็ขอเผยแพร่รายงานการเงินที่ได้รับทั้งหมดจากคนเสื้อแดงที่ยุโรปทั้งสองกลุ่มฮะ มีแค่นี้ล่ะ 1,504 ยูโรเพื่อให้ทำกิจกรรมยกเลิก 112 (2-3 เดือน)

อ้อ! ไม่ได้ใช้เงินแม้แต่ค่ากินนะฮะ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องจะหาเงินซื้อกระเป๋า Hermes หิ้วโชว์นะฮะ เพราะมันไม่มีเงินมากมายขนาดนั้น!

หวังว่าเห็นรายงานการเงินนี้แล้วจะหยุดเอากูไปพูดกันมั่วๆ เสียที!

24 พ.ค. 13

วันนี้จรรยาหมายมั่นขยำมือว่าจะทำงานค้างคาหลายเดือนชิ้นหนึ่งให้เสร็จให้จงได้ ...

อาจจะไม่เข้าเฟซบุ๊คมากนักนะฮะ มาอ่านกันเอาเองที่หน้าวอลล์นะฮะ ว่าโพสต์ประเด็นอะไรไว้บ้าง และฝากแชร์เรื่องของ อ. สุรชัย และบทสัมภาษณ์โจ กอร์ดอน ด้วยนะฮะ

รักนะ .... จุ๊บๆๆๆๆ

23 พ.ค. 13 (3)

กูว่าคนไทย หญิงไทย ต้องเปลี่ยนทัศนคติและเรื่องความโลภจะได้เงินทองจากการแต่งงานกับฝรั่งกันเสียที

แม่งขอด่าหน่อยนะฮะ โง่ขนาดหนัก ขนาดยอมเสียเงิน 190,000 บาท เพื่อหวังว่าจะได้สินสอดสามแสนและได้แต่งงานกับฝรั่งผิวขาว

ใครไม่รู้เรื่องเล่ห์กลพวกหลอกค้าหลอกแต่งงานต่างประเทศมาถามกูนี่ ได้ยินมาเยอะมาก

บ้าจริงๆ ตรวจสอบกันหน่อยซิโว้ยคนไทย ไม่ใช่เห็นเป็นฝรั่งก็หลับหูหลับตาจะเอามาทำผัวอย่างเดียว

ขอโทษนะปกติไม่ค่อยด่าผู้หญิง แต่เห็นสองสามเคสในช่วงนี้เรื่องหญิงไทยโวยวายเพราะถูกฝรั่ง (และคนไทยร่วมกันต้ม) แล้วกูขอเคาะกะโหลกหญิงไทยหน่อยเถอะ

A Samut Prakan woman has told police she was deceived by a person claiming to be an Australian man who she met on Facebook and was conned into handing over 190,000 baht after he promised to marry her. Nawaporn... 

Read the news 
* * *

เห็นภาพไหว้แล้วก็รู้สึกว่าไหว้ทำไม ทำไมต้องทำตัวอ่อนน้อมถ่อมตน ทำไมสัญลัษณ์ไทย สัญลักษณ์หญิงไทยต่อนานาชาติต้องแสดงความอ่อนน้อมถ่อมตน

* * *

ภาพจากเพจ วาทะไร้ชื่อ
ช่ายฮะ ศิลปินไทยต้องสำนึกมากๆ

ต้องคิดให้หนัก และนิยามประเด็น "สิทธิขั้นพื้นฐานความเป็นมนุษย์" ให้ครอบคลุม

ไม่ใช่ติดอยู่แค่ "สิทธิขั้นพื้นฐานความเป็นมนุษย์แบบไทยๆ" ที่เป็นปัญหาอยู่อย่างมากในไทย ณ ตอนนี้

23 พ.ค. 13 (2)


สัญลักษณ์นี้ก็มีที่เดียวในโลกเช่นกัน
ในดินแดนเรียกว่า "ราชอาณาจักรไทย"

มานึกอีกทีนะ การใช้ยุทธศาสตร์ดาวแดงปกป้องกษัตริย์เนี่ย
จะเป็นยุทธศาสตร์ขว้างงูไม่พ้นคอนะงานนี้
จะพากันถูกวิญญาณผีคอมมิวนิสต์ที่ถูกฆ่าตายมาเอาคืนจนสถาบันฯ พังไปก็ได้น่า

เล่นอะไรไม่เล่น เล่นเอาคอมมิวนิสต์มาปกป้องเจ้า
ถามจริง เจ้าจะเหลือหรืองานนี้

เละเป็นโจ๊กแน่ๆ
* **

จากสงครามเย็นมาสู่สงครามวัง ก็เลยไม่ยอมปลดแอกออกจากบ่าคนไทยกันสักที

มีคนที่อ้างว่าเป็นคอมมิวนิสต์ประเทศไทยประเทศเดียวในโลกนี่ล่ะ ที่ใส่ชุดทหารกองทัพประชาชนแบบเหมาและใส่หมวกดาวแดงสัญลักษณ์ธงชาติเวียดนาม และพากันมานั่งหน้าสลอน ประกาศลุกขึ้นไล่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งและประกาศปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ 

แม่ง! กูงงฉิบหายเลย

กูว่าพวกท่านทั้งหลายถอดชุดทหารประชาชนและหมวกดาวแดงออกและใส่เสื้อเหลืองปักตราสัญญลักษณ์ในหลวงเถอะนะ แม้ว่าพวงท่านเจ้าคุณทั้งหลายจะหน้าด้านหน้าหนาและไม่รู้จักความอับอาย และก็ไม่รู้ว่าอุดมการณ์คอมมิวนิสต์และสังคมนิยมคืออะไร

แต่กูรู้ ดังนั้นจึงขอกูศักดิ์ศรีสัญลักษณ์ดาวแดง และขอบอกว่าการเป็น "อีแอบ" ของท่านกำลังทำให้อุดมการณ์คอมมิวนิสต์และสังคมนิยมได้รับความเสื่อมเสีย!


"กองทัพปลดแอกฯ ขุมกำลังของกลุ่มคนไทยรักชาติ ที่มาชุมนุมบริเวณท้องสนามหลวง...."

ภาพ/R Mee Ampawa
----------------------------------------------
คือคอมมิวนิสเก่าที่ร่วมพัฒนาชาติไทย เขามาให้กำลังใจศาลรัฐธรรมนูญ และเป็นศัตรูของเจ้ธิดา(นกแสก)แห่งเสื้อแดง ให้ยุติบทบาท!
 
* * *

ใน "ยุคสงครามเย็น" ใช้การโฆษณาชวนเชื่อว่า "ฆ่าคอมมิวนิสต์ไม่บาป" ตายกันยกหมู่บ้านหรือต้องถูกเผาหมู่บ้านทิ้งและทิ้งหมู่บ้านกันทั่วทุกภูมิภาค จนไม่มีใครรู้ยอดแน่นอนว่าประชาชนตายไปกี่พันกี่หมื่นคน

มาถึงปี 2556 ใน "ยุคสงครามวัง" กำลังใชการโฆษณาชวนเชื่อว่า "แม้แต่คอมมิวนิสต์ก็ยังเอาเจ้าไม่เอาแม้ว"

งานนี้กะจะปลุกกระแส "ฆ่าคนรักแม้วไม่บาป" สักกี่ร้อยกี่พันคนกันจ๊ะ

เหอ เหอ หุ หุ
* * *


น่าสงสารชาวบ้านเหล่านี้นะฮะ 
ไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังเป็นตัวตลกของสังคมประชาธิปไตย

ไม่น่าเชื่อและน่าแปลกใจจริงๆ นะ ที่วังไทยไม่รู้เท่าทันการเมืองและไม่อ่อนไหวกับสถานการณ์การเมือง

ปล่อยให้เครดิตและภาพลักษณ์ของวังไทยเสียหายไปเยอะมากนับตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา ทั้งจากม๊อบพันธมารคนเสื้อเหลือง มาสู่ม๊อบคนไม่ยอมแพ้ในเสื้อคอมมิวนิสต์

และทั้งจากการใช้มาตรา 112 อย่างรุนแรง โดยวังไม่ลุกมาปรามพวกคลั่งเจ้าเลย (นอกจากพระราชดำรัสครั้งเดียว (ที่ไม่มีการพูดย้ำอีกเลย) เมื่อปี 2548 ที่อ้างถึงกันอยู่นั่นล่ะ) และวังไม่ลุกขึ้นมาปรามเรื่องการใช้มาตรา 112 และพรบ. คอมพิวเตอร์ในนามปกป้องสถาบันฯ มาถึงจนบัดนี้

ไม่น่าเชื่อว่าวังไทยจะไม่อ่อนไหวในเรื่องเหล่านี้เลยแม้แต่น้อยจนถึง ณ ตอนนี้

ถ้าเป็นวังของประเทศตะวันตก ถ้าเป็นข่าวเรื่องเดียวก็ลุกมาปรับตัวลุกมาแก้ข่าวกันแล้ว

แต่วังไทยนอกจากไม่ปรามแล้วยังตบรางวัลพวกคลั่งเจ้าให้เห็นๆ กันอีกด้วย

ไม่น่าเชื่อนะว่าจะไม่อ่อนไหวซะขนาดนี้


23 พ.ค. 13

เมืองไทยต้องมีสังคยนาการศึกษาครั้งใหญ่

เพื่อยกระดับการศึกษาที่พ้นกรอบคิดแบบสงครามเย็น
และก้าวสู้ศตวรรษที่ 21 อย่างเข้มแข็ง

โอ่ๆ นี่น่าจะเป็นหัวข้อการสังคยนาการศึกษาไทยได้เลยนะเนี่ย!

* * *

พูดเรื่องการศึกษาฟรีแล้วต้องพูดเรื่องเครื่องแบบและการไว้ผมหรือการแต่งการของนักศึกษาทุกระดับชั้นต้องเปิดเสรีด้วย

เมืองไทยควรปลดและยกเลิกวิธีคิดเรื่องการศึกษาแบบการจัดตั้งมวลชน โดยใช้เรื่องเครื่องแบบและวินัยเพื่อการรักษาอำนาจชนชั้นนำได้แล้ว

อย่างเห็นอนาคตของชาติเป็นคนฉลาดรู้จักคิด รู้จักใช้สมองต้องส่งเสริมการศึกษาที่เปิดกว้าง อุดหนุนการศึกษาฟรีจนอย่างน้อยจบชั้นมันธยมปลาย และเตรียมเงินให้กู้เพื่อการศึกษาต่อระดับอุดมศึกษากันอย่างเพียงพอ

ที่สำคัญต้องยกเลิกเครื่องแบบและระเบียบวินัยเรื่องเสื้อผ้า หน้าผม ของนักเรียนนักศึกษาทุกระดับชั้น เปิดให้เด็กรู้จักจัดการเรื่องตัวเองตั้งแต่เด็กๆ ทั้งครูและเด็กจะได้รู้จักกับคำว่า "การเคารพกันและกัน" และ "เสรีภาพทางความคิด" กันตั้งแต่เด็กๆ

โตกันมา เรียนจบกันมาจะได้ไม่กลายเป็นคน "ยิ่งเรียนยิ่งโง่" เช่นที่เห็นกันอยู่มากมายในสังคม ณ ตอนนี้
* * * 

ช่วงนี้เป็นช่วงสปริงส์แล้ว แดดออก อากาสอุ่นหน่อย และเป็นช่วงก่อนปิดภาคฤดูร้อน ทำให้เห็นครูพาเด็กๆ ตระเวณทัศนศึกษานอกสถานทีกันเยอะ โดยเฉพาะเด็กเล็ก ประถม และมัธยม (ไม่ได้มีวันเด็กประจำชาติวันเดียวเท่านั้นที่ให้โอกาสครู ผู้ปกครองและเด็กจัดทัศนศึกษานอกพื้นที่เช่นที่เมืองไทยฮะ)

เห็นเด็กทุกวัย ทั้งผมสั้น ผมยาว ถักเปีย ใส่หมวก ผูกโบ เสื้อผ้าหลากสีตามถนัด และตามแต่จะแต่งกัน แบกเป้กันคนละใบเดินทัศนศึกษาเป็นกลุ่ม ถ้าต้องผ่านจุดจราจรก็จะใส่เสื้อกั๊กแทบแสงด้วย)

ทั้งเด็กทั้งครูต่างไม่จำเป็นต้องแยกกันเพราะเครื่องแบบ

เห็นเด็กๆ มีท่าทางเป็นผู้ใหญ่กันมาก ดูว่ารับภาระดูแลตัวเองกันได้กันตั้งแต่เด็ก แล้วยิ่งรู้สึกว่าระบบยูนิฟอร์มเป็นสิ่งไม่จำเป็น สิ้นเปลื้องเงินทองและปิดกั้นเสรีภาพในการเรียนรู้ของเด็กๆ ไปด้วย

อนึ่ง! ทั้งสแกนดิเนเวียร์และยุโรปส่วนใหญ่ไม่มีเครื่องแบบนักเรียนนักศึกษาทุกระดับชั้นตั้งแต่เด็กเล็กจนมหาวิทยาลัย (ยกเว้นพวกโรงเรียนเอกชนอีลีตบางโรงเรียน)

ยกเลิกไปเถิดนะฮะเรื่องยูนิฟอร์มและครูไม้บรรทัดเดินวัดทรงผมและความสั้นความยาวของกระโปรงและขากางเกง

* * *
"Iamissy Reddemocrazy สาธุ อยากเห็นวันนั้นจริงๆ ยกเลิกให้หมด ชุดนึงไม่ใช่ถูกๆ ไม่รู้ไรนัก ลูกเสือ เนตรนารี ยุวกาชาด ชุดละ 800 กว่าบาท ยังจะชุดพละอีก ประเทศนี้แม่งบ้าบอสุดๆ"
ช่ายฮะ

นอกจากสิ้นเปลืองเงินทองที่ขัดกับข้ออ้างว่าเพื่อให้เด็กไม่เปลื้องเงินทองไปกับเสื้อผ้าแล้ว อีกข้ออ้างหนึ่งที่ว่าเครื่องแบบเพื่อลดช่องว่างทางชนชั้น ให้ไม่เห็นความแตกต่างระหว่างนักเรียนฟังไม่ขึ้นฮะ

เพราะอันทีจริงแล้ว นอกจากไม่ใช่เพื่อลดช่องว่างทางชนชั้นยังถูกใช้เพื่อดำรงช่องว่างทางชนชั้นไว้อีกต่างหาก

และการขายชุดเครื่องแบบ และหนังสือแบบเรียนก็เป็นธุรกิจเครือข่ายโยงใยและรักษาอำนาจอำมาตย์ผูกขาดเมืองไทยอย่างเหนียวแน่นอีกเช่นกัน

เครื่องแบบและการคุมเข้มวินัยนักเรียนไม่ใช่เพื่อตัวนักเรียนเอง แต่เพื่อคงดำรงรักษาไว้ซึ่งระบบอำนาจนำในสังคมไทยต่างหาก

อย่ามาอ้างเลยว่าเครื่องแบบและวินัยนักเรียนเพื่อนักเรียนนักศึกษาและเพื่อผู้ปกครอง
มันอ้างไม่ขึ้นแล้วในปัจจุบัน

21 พ.ค. 13 (4)

เจอรูปเก่ามาก ฮาลองเบย์ ฮานอย ปี 2004




ภาพจากเวียตนามในเครื่องที่มีอยู่ก็มีอยู่แค่นี้ล่ะฮะ เสียดาย

ปกติไปไหนไม่ค่อยได้เที่ยว ประชุมอย่างเดียว ประชุมเสร็จก็กลับ
เผอิญมีเพื่อนร่วมทางที่ชอบเที่ยว พอไปฮานอยเมื่อปี 2004 ก็เลยได้มีโอกาสซื้อ package ทัวร์แบบวันเดียวจาก Hanoi ไป Tam Coc ได้ลองเรืองผ่านทิวทัศน์งดงามของ Tam Coc

ใครไปเวียดนามแนะนำเลยฮะว่าซื่อ package ทัวร์ 1 วันหรือ 2 วัน ก็แล้วแต่ จะสะดวกที่สุด ดีกว่าการจัดการทริปส์เอง เพราะมีแข่งกันให้เลือกหลายเจ้าและราคาก็ไม่แพง

ถ้าใครไปประชุมฮานอย หรือเมืองไหนก็ตาม ลองหาโอกาสอยู่เกินสักวันสองวันแล้วไปกับแพกเกตทัวร์นะฮะ จะคุ้มค่าค่ะ

ชวนกันไปเที่ยวเพื่อนบ้านเรานี่ล่ะ

ใครไปเวียดนามแนะนำเลยฮะว่าซื่อ package ทัวร์ 1 วันหรือ 2 วัน ก็แล้วแต่ จะสะดวกที่สุด ดีกว่าการจัดการทริปส์เอง เพราะมีแข่งกันให้เลือกหลายเจ้าและราคาก็ไม่แพง
ถ้าใครไปประชุมฮานอย หรือเมืองไหนก็ตาม ลองหาโอกาสอยู่เกินสักวันสองวันแล้วไปกับแพกเกตทัวร์นะฮะ จะคุ้มค่าค่ะ
ชวนกันไปเที่ยวเพื่อนบ้านเรานี่ล่ะ

21 พ.ค. 13 (3)

น่าดูนะฮะ สารคดีการเมืองที่ดูตัวอย่างแล้วน่าสนใจเพราะมันมี presentation แบบคนทำมืออาชีพ และร้อยเรียงคำสัมภาษณ์ต่างๆ ออกมาได้น่าติดตาม

ใครอยู่เมืองไทยก็ไปดูกันที่โรงนะฮะ ส่วนกูจะรอดูตอนเผยแพร่ทางเนตแล้วกัน



21 พ.ค. 13 (2)

เผด็จการมันเป็นแถวเป็นแนวจริงๆ
กูพวกไม่มีวินัย พวกขบถ ไม่ชอบคำสั่งที่ขัดกับมโนสำนึก
กูไม่ชอบเผด็จการ และไม่ต้องการอยู่ภายใต้วิถีสังคมเผด็จการ


หาชมยาก! ภาพชีวิตของชาวเกาหลีเหนือ
เอริค แลฟฟอร์ก ช่างภาพชาวฝรั่งเศส จากแกมมา-ราโฟ เอเจนซี เดินทางเข้าประเทศเกาหลีเหนือมาแล้ว 6 ครั้ง โดยที่ทางการไม่เคยรู้ว่าเขาคือช่างภาพมืออาชีพ ก่อนที่จะถูกห้ามเข้าประเทศในสมัยของคิม จอง อึน เขาได้ถ่ายภาพวิถีชีวิตประจำวันของชาวเกาหลีเหนือภายใต้การปกครองระบบเผด็จการทหาร


กุหลาบ ปากซัน

พวกที่พยายามอ้างว่าตัวเองเป็น "ผูดี" หรือ "คนดี" นี่หน้าตาท่าทางมันละม้ายคล้ายคลึงราวกับเป็นพิมพ์เดียวกันไปหมดเลยเนาะ

21 พ.ค. 13

ร่วม Free Adam, ผู้นำนักศึกษามาเลเซีย ที่ถูกจับกุมเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา และถูกขังคุกอยู่จนถึงบัดนี้

อดัมเป็นแกนนำนักศึกษาที่พูดประท้วงผลการเลือกตั้งครั้งล่าสุดของมาเลเซีย และเรียกร้องคืนประชาธิปไตยให้กับประชาชน

ร่วมเรียกร้อง "ปล่อยตัวอดัม" กันนะฮะ ด้วยการถ่ายภาพแล้วส่งไปให้ Lee Siew Hwa

ขอบคุณมากๆ .... 
จรรยา

You can send photo like this to support Adam Adli- the student leader who express his freedom of speech to critise teh fraud election result of Malaysia and call for democracy back to people!
“ Bebaskan Adam” or “Free Adam”

he was detained under sedition act since last saturday for 5 days in the Jinjang Police station, Selangor, Malaysia call for his release.
Or you can send protest letter and more about Adam:read here:

https://www.facebook.com/suararakyatmalaysia/posts/10151352113231152

20 พ.ค. 13 (6)

นายพลจอร์จ ราฟาเอล วิเดลา ของอาเจนตินา ที่ถูกตัดสินจำคุกเพราะเกี่ยวข้องกับการอุ้มหายชาวฝ่ายซ้ายที่อาเจนตินาหลายพันคนระหว่างปี 2519 - 2526 ที่ใช้ชีวิตบันปลายอยู่ในคุก เสียชีวิตในคุกแล้วในวัย 87 ปี

นายพลทหารไทยที่เกี่ยวข้องกับการสังหารประชาชน การอุ้มหายประชาชนไม่มีใครตายในคุก และเกือบทุกคน (หรือทุกคน) ตอนตายยังได้รับพระราชทานเพลิงศพกันด้วย
-----

"เขาใช้ชีวิตเพื่อสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวง ที่ได้ทิ้งร่องรอยไว้บนชีวิตของประเทศ" อดอลโฟ เปเรส เอสคิเวล นักสิทธิมนุษยชนที่ได้รับรางวัลโนเบลชาวอาเจนติน่ากล่าว "การตายของเขาคือการสิ้นสุดของประจักษ์แห่งตัวตนของเขา แต่ไม่ใช่การสิ้นสุดของสิ่งที่เขาทำกับประเทศชาติ"