26 พ.ค. 13

(1)

การสู้เพื่อการเปลี่ยนแปลงสังคมมันก็หวังผลตอบแทนกันทุกคนจริงๆ ล่ะ แต่จะหวังกันจบที่ระดับไหน ระดับตัวเองและครอบครัว หรือหวังการเปลี่ยนแปลงระดับโครงสร้างการเมืองประเทศไปด้วย ...

การที่จรรยาเปิดประเด็นตลอดเรื่องยกเลิก 112 และประเทศไทยต้องเปิดเรื่องเสรีภาพ ก็หวังเพื่อตัวเองด้วยอยู่แล้ว เพราะมันอึดอัด อยู่ลำบากและรู้สึกถูกริดรอนสิทธิ์และศักดิ์ศรีความเป็นคนอยู่ตลอดเวลาในประเทศไทยเมื่อมันไม่มีเสรีภาพ ก็ต้องพูดเรื่องนี้ พูดในประเทศไม่ได้ก็ต้องพูดที่ต่างประเทศ

ส่วนเรื่องการเปิดประเด็นเรื่องสวัสดิการประชาชนก็หวังนั่นล่ะว่า จะไม่ต้องทำงานเป็นบ้าจนตาย เพราะรัฐวางโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคมที่ดูแลประชาชนเอาไว้ให้ คนจะได้มีเวลา relax และผักผ่อนกันบ้าง ไม่ต้องกังวลว่าป่วยจะทำไง ตกงานจะอยู่ยังไง จะส่งลูกเรียนได้อย่างไร แก่จะอยู่ยังไง อาเมน

หวังนี้ก็เพราะต้องการการตอบแทนเหมือนกันเพราะคิดว่าตัวเองคงจะทำงานจนแก่ตายไม่ไหวแน่ ถ้าระบบมันไม่ดูแลตัวเองตอนแก่ด้วย ...

แต่เรียกร้องให้ดูแลตัวเองฝ่ายเดียวแบบทุนนิยมสุดโต่งที่อยู่บนฐานคิดให้คนแข่งขันกัน "มือใครยาวสาวได้สาวเอา" จรรยาคนมือสั้นและไม่อยากแข่งขันก็ไม่เอาด้วย แต่ชอบวิธีสังคมนิยมประชาธิปไตย (จริงๆ) มากกว่า คือถ้าสำเร็จก็คือนโยบายที่ให้กับทั้งสังคมไปเลย ยกโขยงไปด้วยกันทั้งหมู่ ... ก็สู้ด้วยการอิงทฤษฎีการเมืองนี้

ไม่มีใครไม่ทำงานและทุ่มเทเพื่อสังคมกันโง่ๆ โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนหรอก ยื่งหวังสูงก็ยิ่งต้องอดทนสูง ก็ยิ่งต้องพยายามมาก เป็นเรื่องปกติธรรมดา

แน่นอนเงินเป็นปัยจัยสำคัญในการสู้และใช้ชีวิต เพราะทุกอย่างมันต้องซื้อและต้องจ่าย แต่มันก็มีระดับของการซื้อการจ่ายและการประมาณตนเหมือนกัน แต่เงินและผลประโยชน์ ไม่ใช่เครื่องล่อหลอกหรือแรงบันดาลใจแห่งรางวัลงามยามสำเร็จเสมอไป

ท้ายที่สุดเป้าหมายที่แต่ละคนตั้งไว้คือรางวัลแห่งความสำเร็จ

* * *
(2)

วันนี้จรรยารู้สึกผิดจริงๆ ฮะ

ที่ตัวเอง "สามารถ" เลือกออกจากกะลาแลนด์ และมาปากกล้าที่ต่างแดน เลือกมาอยู่มาใช้เสรีภาพในการพูด ในการเขียน จากดินแดนที่เสรีภาพเบ่งบาน จนอาจจะสร้างความไม่สบายใจให้กับหลายคนที่ยังติดอยู่ในราชอาณาจักรไทย ที่ไม่สามารถพูดและเขียนได้อย่างใจนึก

ขอโทษฮะ ที่เขียนและพูดอย่างคนรู้จักเสรีภาพและใช้เสรีภาพ
ขอโทษฮะ ที่การใช้เสรีภาพในการพูดและเขียนของจรรยาทำให้ท่านไม่สบายใจ
ขอโทษฮะ ที่การใช้เสรีภาพในการวิจารณ์ของจรรยาไปริดรอนเสรีภาพที่ต้องเซ็นเซอร์ตัวเองของท่าน

ขอโทษจริงๆ ฮะ!
* * *

(3)

10 การประท้วงที่เปลี่ยนโลก!!!


 
น่าดูฮะ แม้ว่าจะรู้สึกว่ายังขาดไปอีกหลายประเทศ

คงต้องเพิ่มสารคดีเป็น 20 การประท้วงที่เปลี่ยนโลก

แต่แหม ดูไปก็เศร้าใจนะฮะ ที่การประท้วงในไทยหลายครั้ง (โดยเฉพาะ 14 ตุลาฯ และ 6 ตุลาฯ) มีโอกาสอยู่ในการบันทึกนี้ แต่เพราะมันไม่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงในไทยได้จริง แม้คนจะตายหลายร้อยคน มันก็เลยไม่ถูกจัดอยู่ในบันทึกนี้
* * *

(4)

ทหารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ศาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ตำรวจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ข้าราชการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
รัฐบาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ประเทศไทยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
คอมมิวนิสต์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ตอนนี้หันมาโหมประชาสัมพันธ์
ประชาชนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

อุ๊แม่เจ้า! ยังมีอะไรเป็นของประชาชนอยู่บ้างไหมเนี่ยใน "ประเทศไทย"
* * *

(5)

อืม! เกือบจะคิดจะเชื่อว่ากูเรียนจบสังคมศาสตร์การพัฒนามาอย่างผิดๆ และอย่างบ้าๆ แน่ๆ ที่ทำให้กูคิดและเชื่อว่าสังคมมันต้องเฉลี่ยทุกข์ เฉลี่ยสุข และดูแลกันไปทั้งสังคม และทำให้ช่องว่างทางชนชั้นมันแคบลง ไม่ใช่กว้างสุดโต่งติดอันดับโลกเช่นนี้

แต่เมื่อคืนก่อนคุยกับคนฟินน์ เขาบอกว่า คนฟินน์โตมากับการอบรมสั่งสอนกันมาว่า อย่าใช้ชีวิตที่หรูหราฟู่ฟ่าหรือดูเด่นเหนือกว่าเพื่อนบ้านหรือเพื่อนฝูง

อ่านะ มันช่างขัดกับวิถีคิดสังคมไทยจริงๆ นะ ที่ส่งเสริมให้คนจำนวนไม่น้อยทำทุกทางเพื่อมีชีวิตที่ต้อง "ดี" "เด่น" "ดัง" "รวย" เก่ง" กว่าเพื่อนกว่าฝูง

กูชักรู้สึกว่า เออ! ถ้ามันจะไม่ต้องกลับประเทศไทยจริงๆ กูอยู่ฟินแลนด์ต่อไปก็ได้วะ แม้คนจะเย็นชาไม่เป็นมิตรกันง่ายเท่าไรนัก แม้ว่าประเทศจะหนาวเย็นเกือบทั้งปี แต่หลักพื้นฐานในความคิดเรื่องมนุษย์และเรื่องเสรีภาพของคนที่นี่มันน่ารักจริงๆ