28 พ.ค. 13

ชาว "มึงไทยมาก" ทั้งหลาย ยังหลงอยู่ในนิยายเพ้อฝันจักรๆ วงศ์ๆ ว่า ...

ชาติไทยเจริญรุ่งเรือง (แบบคิดไปเอง)
สงบสันติ (แบบคิดไปเอง)
มีเอกลักษณ์ไทยที่สูงส่งเหนือกว่าชาติใดในโลก (คิดไปเองอีกนั่นล่ะ)
ผสกนิกรต่างมีความสุขอยู่ดีกินดี (แบบคิดไปเอง)
เพราะพระบรมโพธิสัมภาณ (แบบคิดเองเออเองอีกนั่นล่ะ)

(1)

ถ้าคนไทยไม่ว่าใครก็ตามที่ปรากฎโฉมต่อสื่อโลก ไม่ได้พกพา "ความเป็นไทยมาก" และ "พระฉายาลักษณ์" ไปด้วยอย่างเต็มที่ ก็จะถูกรุมยำจากชาวไทยมากทั้งหลายามกลับประเทศไปตามระเบียบฮะ!
* * *
นี่คือคนที่จบคณะเดียวกับจรรยา มหาวิทยาลัยเดียวกับจรรยา แต่โชคดีไม่ได้เรียนเอกและโทเดียวกัน มิฉะนั้นกูคงโมโหยิ่งกว่านี้

อ่านแล้วขอเอามาประจานเป็นตัวอย่างนะฮะว่า ...
การศึกษาไม่ได้ทำให้คนมีเหตุผลหรือรู้จักคิดไปหมดทุกคนเลยฮะ

การเลือกข้างการเมืองแบบ "ไม่ชนะไม่เลิก" สร้างฟาสซิสต์คลั่งเจ้าที่โหดเหี้ยมและตรรกะหายหมดสิ้น

มิหนำซ้ำยังกล้าใส่ "หน้ากากเวนเดตต้า" เป็นโพรไฟล์ และ ประกาศกร่างว่า "ไม่อยากถูกยิงหัว มึงก็อย่าชุมนุมผิดกฎหมาย"

ที่ยกคำกล่าวคนนี้มาประจานเพราะเขาเป็นฟาสซิสต์คลั่งเจ้า ที่อัดฉีดความคลั่งอย่างต่อเนื่องและมีผู้ติดตามไม่น้อยเลย

จึงจำเป็นที่จะต้องประจานวิถีคิดฟาสซิสต์แบบปูจิตกร โดยเฉพาะเมื่อเขามีอิทธิพลทางความคิดกับพวกรอยัลลิสต์จำนวนไม่น้อยทีเดียว
-------------
@ปู จิตกร บุษบาเกินเยียวยานะ ไอ้เนี่ย
--- อารักษณ์ ครับผม:: แล้วที่พวกมึงออกมาปฎิวัติฉีกรัฐธรรมนูญ ยุบพรรคเค้าไปทั่ว ตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร ยิงหัวคนเล่น เรียกว่าคุกคามสิทธิเสรีภาพรึป่าววะ ไอ้กร๊วก
โปรดสัตว์สักหน่อยก็ได้1.ถ้ารัฐบาลตอนนั้นไม่เหี้ย เขาจะปฏิวัติทำเหี้ยอะไร2.ถ้าไม่โกงการเลือกตั้ง ใครจะยุบพรรคพ่อมึงได้3.ถ้าในสภาไม่โหวตเลือก จะตั้งรัฐบาลในค่ายทหารได้ยังไง4.ไม่อยากถูกยิงหัว มึงก็อย่าชุมนุมผิดกฎหมาย เป็นควายให้เขาหลอกไปตายแทนเหี้ยสิคร๊าบบบ
* * *

(2)

รับไม่ได้ทั้งนั้นและไม่คบเป็นเพื่อนด้วยเด็ดขาดฮะ ไม่ว่าจะเป็น ...

กับคนเหลืองคลั่งฟาสซิสต์ที่สมน้ำหน้าคนตายที่ราชประสงค์และเขียนว่า "ไม่อยากถูกยิงหัว มึงก็อย่าชุมนุมผิดกฎหมาย"

หรือกับคนแดงฟาสซิสต์ที่พูดว่าคนที่ตายเพราะยาเสพติดและความรุนแรงที่ภาคใต้ ว่าเป็นเพราะพวกเขา "ชะตาขาด" เอง

แม้ว่าจะเชื่อในหลักเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นต่างอย่างเต็มที่

แต่เส้นแบ่งแห่งการคบกันไม่ได้หรือเป็นเพื่อนกันไม่ได้สำหรับกูอยู่ที่คนนั้น "ไม่ยี่หร่ะหรือหัวเราะเยาะและสมน้ำหน้าให้กับความตายที่ถูกพราก" เพียงเพราะต่างสี ต่างศาสนา ต่างเชื้อชาติ ต่างเผ่า หรือต่างค่ายการเมือง
* * *
ความตายที่ถูกพรากอย่างผิดกฎหมายและอย่างเหี้ยมโหดเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ และทุกความตายเหล่านั้นมีสิทธิได้รับความยุติธรรม
* * *

(3)

สถานการณ์สังคมและการเมืองไทยนับตั้งแต่ 2548 เป็นต้นมา ทำให้กูต้องอยู่กับคติประจำใจเสมอว่า "กูจะอึดให้ได้มากกว่ามึง 1 วัน - One Day Longer" มาจนถึงบัดนี้

เพราะนอกจากการเมืองรัฐสภาจะเล่นเกมกันจนหัวหมุน
การเมืองมวลชนแนวร่วมนอกสภาก็แรงและล่อกันซะเละ ชนิดหาหลักการไม่ค่อยเจอกันสองฝ่าย
การเมืองเหนือหัวก็ไม่เป็นสุภาพบุรุษ ไม่ทำตัวสมกับยศถาบรรดาศักดิ์
ความรุนแรงแห่งการใช้กำลังกับประชาชนก็ยังไม่หยุดหย่อน
การใช้กฎหมายปิดปากประชาชนก็ยังใช้กันอยู่ทุกครั้งที่อยู่ในอำนาจไม่ว่าจะฝ่ายไหน

เฮ้อ! เอาเถอะ ได้แต่หวังว่าในท้ายที่สุด - ไม่ว่าจะกี่ปีก็ตาม -สังคมมันจะค่อยๆ จูนเข้าหากันและยอมรับกันได้ที่ "หลักการ" ในที่สุด

จะ "One Day Longer" ก็จะ "อึดให้ได้มากกว่ามึงหนึ่งวัน" ล่ะวะ ... แม้ว่าจะต้องอึดจนตาย ฮา ฮ่า! 
* * *

(4)

Thongtouch Theparak

ภาพสวยและสื่อความหมายดีฮะ

ทำให้นึกถึงหนังสือเบื้องหลังหน้ากาก ที่แปลโดยอาจารย์อู่ทอง ประศาส์นวินิจฉัย ที่เป็นหนังสือที่นักศึกษาสังคมวิทยาและมนุษยวิทยาใช้อ่านเพื่อทำความเข้าใจชุมชน

เป็นหนังสือที่อ่านแล้วติดความรู้สึกอีกเล่มหนึ่ง ที่เตือนให้ต้องนึกถึงเบื้องหลังหน้ากากที่เข้าใจยากมากของสังคมอยู่เรื่อยๆ โดยเฉพาะสังคมไทยยามนี้