30 เม.ย. 13

วันนี้เป็นอีกวันที่ระลึกถึงพี่สมยศ พฤกษาเกษมสุข
และไม่ใช่กูคนเดียวด้วย
มาอ่านข้อเขียนของโจ กอร์ดอนถึงสมยศ
ในวันครบรอบ 2 ปี แห่งการถูกจองจำทางการเมืองด้วยข้อหาหมิ่นเจ้า

* * * 

อ่านข้อเขียนวันนี้ของพี่สมยศแล้วน้ำตาตกใน

วันนี้กูก็เพิ่งเขียนถึงเพื่อนไปในการตั้งทำถามทำนองเดียวกันนี้เหมือนกัน
แต่สุดท้ายกูบอกกับเพื่อนว่า

"I cannot give up now - otherwise, the past three years of works and hardship will be meaningless."

"กูยอมแพ้ไม่ได้ มิฉะนั้นแล้ว งานที่ทำและความยากลำบากที่เผชิญมา ตลอด 3 ปีที่ผ่านมาก็จะไร้ความหมายไปด้วย"

อยากให้กำลังใจพี่สมยศ และฝากบอกพี่สมยศว่า ...

ในทุกครั้งที่จรรยารู้สึกท้อและสิ้นหวัง ก็จะนึกถึงความยากลำบากที่พี่สมยศและนักโทษ 112 คนอื่นต้องเจอในคุก ที่ยากลำบากยิ่งกว่ากูมากนัก คิดแบบนี้ก็ทำให้จรรยาฮึดสู้เสมอ

อย่ายอมแพ้นะพี่ กำลังใจจากต่างแดนไม่เคยมอดไหม้และจีดจางหายไปเลยฮะ!

ขอเชิญชวนจริงๆ ให้อ่านจดหมายพี่สมยศฉบับนี้ และช่วยกันแชร์ไปให้เยอะๆ เป็นพันเป็นหมื่นแชร์ยิ่งดีฮะ

--------
อุดมคติกินไม่ได้ สู้ไปติดคุกฟรี สารภาพไปเถอะ อยู่ไม่กี่ปีก็ได้ออกจากคุกไปเร็วกว่าสู้คดีอีก ถ้าสารภาพป่านนี้คงได้ออกจากคุกแล้ว ?
การต่อสู้คดีเป็นการท้าทาย ผมเตือนคุณแล้ว กองเชียร์ไม่ได้ติดคุกด้วย สู้ไปข้างหน้าติดคุกยาวแน่ ?
2 ปี แห่งความทุกข์ทรมานที่ผ่านมากับอีก 9 ปีข้างหน้าเป็นเดิมพันชีวิต ด้วยอิสรภาพทั้งทางร่างกายและจิตวิญญาณของผม ผมไม่รู้ว่าจะหมดลมหายใจเมื่อใด เมื่อต้องทุกข์ทรมานแสนสาหัสอยู่หลังกำแพงขัง และอยู่ในกรงขังเหล็กที่แน่นหนา
ไม่ว่าจะตายหรือเป็น ผมยังมั่นใจในความบริสุทธิ์ ช่วยผมหาคำตอบจากคำถามที่ผมคิดทบทวนอยู่หลายวันด้วยเถิด ... !!!
อ่านต่อ "สมยศ พฤกษาเกษมสุข: “ผมคิดผิดไปแล้ว" 
* * *


ผมกินกาแฟกับ สมยศ พฤกษาเกษมสุข นักสู้เพื่อประชาธิปไตย ณ ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร

เช้าวันที่ 26 พฤษภาคม 2554 ผมนั่งอยู่ที่ม้านั่งหินใต้ต้นชงโคต้นใหญ่ หน้าห้องสมุดของแดนหนึ่ง ผมเป็นนักโทษใหม่ ผมไม่อยากพูดคุยกับใคร ผมนั่งนิ่งอยู่ในภวังค์ ผมมาติดคุกนี้ได้อย่างไร มันเกิดความผิดพลาดอะไรขึ้นกับชีวิตผม ผมไม่ได้สนใจกับเสียงพูดคุยที่หยาบคายของนักโทษ ที่ดังเจี๊ยวจ๊าวอยู่รอบๆข้างผม

มีนักโทษชายคนหนึ่ง เขาสูงขาว หน้าตาดี เขาเดินออกมาจากห้องสมุด และแนะนำตัวกับผมว่า เขาชื่อ สมยศ พฤกษาเกษมสุข ผมมองดูเขาแบบไม่แน่ใจ เพราะผมไม่รู้จักใครในเมืองไทยนัก แล้วเขาบอกกับผมว่า เขาถูกจับในคดีหมิ่นฯเช่นเดียวกับผม เขาเป็นพวกเดียวกับผม ไว้ใจเขาได้ ทำให้ผมสบายใจขึ้นมาหน่อยหนึ่ง ที่ยังมีคนถูกจับเข้าคุก ในคดีเช่นเดียวกับผม

สมยศ บอกผมว่า เขามีพรรคพวกอยู่ที่โรงเลี้ยง เขามีกาแฟกินตอนเช้านี้ แล้วเขาก็ชวนผมเดินตามเขาไปที่โรงเลี้ยง ชวนผมนั่งกินกาแฟสำเร็จรูป ผมถามเขาว่าได้กาแฟมาจากไหนกัน เขาบอกว่าที่ในคุกมีกาแฟสำเร็จรูปขาย หาซื้อมาผสมกินกันเองได้ แล้วคอยขอน้ำร้อนได้ในตอนเช้า บางที่ญาติและเพื่อนๆ ก็ซื้อมาฝากให้ตอนออกไปเยี่ยมญาติ หลังจากนั้น เราก็นั่งคุยกันเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับคดีหมิ่นเจ้า

วันนั้นจึงเป็นวันแรก ที่ผมได้พบและรู้จักกับ สมยศ พฤกษาเกษมสุข ผมยังมีเรื่องราวดีๆน่าสนใจอีกมากมายที่ผมจะพูดถึงเขา แต่วันนี้ผมเพียงแต่อยากเกลิ่นนำเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ผมอยากจะบอกให้ทุกคนรับทราบว่า นักโทษคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หรือมาตรา 112 ไม่ใช่บุคคลเลวร้ายอะไรเลย ทุกคนเป็นคนมีการศึกษา มีน้ำใจ ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ยามที่ตกทุกข์ได้ยาก มีใจรักความยุติธรรม และไม่สมควรที่จะต้องเอาตัวไปกักขังเยี่ยงสัตว์เดรัจฉาน หรืออยู่ร่วมกับนักโทษที่เป็นอาชญากร ฆาตกร และมิจฉาชีพทั้งหลาย

รัฐบาลไทย ศาลไทย ควรให้ความยุติธรรมแก่พวกเขา และควรปล่อยตัวพวกเขาออกจากคุก บุคคลเหล่านี้เป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีค่าในสังคม พวกเขาสามารถทำสิ่งที่ดีๆสร้างสรรค์ให้กับสังคม ควรให้พวกเขาออกมาช่วยกันพัฒนาชาติไทยให้ก้าวหน้าต่อไป

ยกเลิกไปเสียเถิดครับมาตรา 112 ไม่เป็นผลดีสำหรับใครทั้งสิ้น นอกจากพวกที่เห็นแก่ตัว แสวงหาผลประโยชน์กับมาตรานี้ ส่วนผู้ที่เสียหายมากที่สุดคือสถาบันกษัตริย์

สมยศ พฤกษาเกษมสุข ถูกตัดสินจำคุกทั้งสิ้น 11 ปี