13 เม.ย. 13 (4)

เพราะรู้จักพี่เหน่งอยู่ก่อนแล้ว การเสียชีวิตของเฌอ ในเหตุการณ์เมษา - พฤษภา 53 จึงยิ่งทำให้กูตระหนักถึงความเจ็บปวดและสูญเสียของผู้คนมากมายในการสังหารโหดครั้งนี้ ว่ามันใกล้ตัวขนาดไหน

แม้จะอยู่ร่วมในเหตุการณ์พฤษภาเลือด2535 เกือบทุกวันนับตั้งแต่ 14 พฤษภา จนถึง 20 พฤษภา แต่สำหรับกู เหตุการณ์การสังหารประชาชน 2553 โหดร้ายและป่าเถือนที่สุด

เพราะเราอยู่ในศตรรษที่ 21 ประเทศไทยและคนไทยควรมีบทเรียนพอและบรรลุนิติภาวะพอที่จะไม่ควรปล่อยให้มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีกครั้ง และเพราะว่ามันไม่มีเหตุผลใดๆ ทั้งสิ้น ที่จะต้องเกิดเหตุการณ์แบบนนี้และมีผู้คนตายกันอย่างมากมายขนาดนี้

โดยเฉพาะจำนวนไม่น้อยเป็นเด็กและผู้หญิง คนสูงอายุ ที่เป็นผู้คนที่เพียงแค่ชั่วเวลานั้นเขาและเธอบังเอิญอยู่ตรงนั้นเท่านั้นเอง




เฌอไปร่วมงานรำลึกผู้เสียชีวิต เมื่อ 11 เมษายน 2553 เสร็จจากช่วยป้าจิ๋ว Chiranuch Premchaiporn ป้าปุ่น Thunska Love Hurts พี่สุระจุ๋ม และพี่คนอื่นอื่น Aof Dent Kim Lovechild ฯลฯ ติดลูกโป่ง เฌอนั่งพักเหนื่อยและมองดูคลื่นคนเสื้อแดงแห่โลงศพผู้เสียชีวิตเพื่อเรียกร้องความยุติธรรม ภาพนี้รวมกับภาพอนุสาวรีย์ฯที่เฌอถ่ายเองกลายมาเปนภาพที่พ่อใช้จินตนาการตอนเขียนบทกวี "ฉันอยากเป็นอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" วรรคที่ว่า

"...ฉันสับสนเล็กน้อย เมื่อเห็นร่องรอยรูกระสุนที่อนุสาวรีย์ฯ
ไม่เหมือนที่สรยุทธและกนกรายาน
ฉันเหม่อมองคลื่นสีแดงขนาดใหญ่ที่หมุนเป็นวง
ถ้ามีเรื่องที่จะต้องสงสัย
ต้องจ้างเท่าไหร่กันนะ เขาถึงยอมตายมากกว่าจะยอมกลับไป"

ภาพที่ผมถ่ายมามี 5 shot ต่อเนื่อง แต่โชคร้ายฮาร์ดดิสก์ถูกไวรัสทำลาย เหลือภาพนี้เพียงภาพเดียว และสแกนกลับมาต่อกันอย่างง่อยง่อย ผมชอบ Compose ของภาพนี้มาก เพราะประกอบไปด้วยลายปูนปั้นของอนุสาวรีย์ฯ พวงมาลัย เฌอในชุดดำ และกราฟฟิติลายเส้น "ทรราชย์เปรม" ที่ตอนสุระจุ๋ม Jove Jupiter และน้องใหม่ Vilasinee Suwansumrit นำไปใส่กรอบ ร้านถามว่าจะให้ลบคำออกหรือไม่ โชคดีที่จุ๋มรู้จักผมดี

ตอนถ่ายผมนึกไม่ถึงว่าภาพนี้จะกลายมาเป็นภาพหน้าศพของเฌอ แต่เมื่อภาพนี้อธิบายได้ครบก็ไม่จำเปนต้องแสร้งเสอะไร เห็นภาพนี้ทีไรผมจะนึกทุกครั้งว่า "ทำไมกูต้องชวนลูกกูมาด้วยวะ" แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก