กระทุ้งและวิจารณ์จากนานาชาติเกี่ยวกับมาตรา 112 มากันเรื่อยๆ
---------------
---------------
บทความแปล: กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพกัดกร่อนความน่าเชื่อถือของทางฝ่ายตุลาการ
อ้างอิง: Thailand's Lese Majeste Erodes the Judiciary (http://www.asiasentinel.com/index.php?option=com_content&task=view&id=5166&Itemid=392)
เขียนโดย คุณ เควิน เฮวิสัน (Kevin Hewison)
วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ 2556
รูปใหญ่อยู่ที่: (http://img197.imageshack.us/img197/1796/asiasentinel02062013.png)
กลุ่มที่ “อ้างตนเองว่าเป็นผู้ปกป้อง” สถาบันพระมหากษัตริย์นั้น กำลังเป็นผู้บ่อนทำลายระบบทางกฎหมายเสียเอง
อ้างอิง: Thailand's Lese Majeste Erodes the Judiciary (http://www.asiasentinel.com/index.php?option=com_content&task=view&id=5166&Itemid=392)
เขียนโดย คุณ เควิน เฮวิสัน (Kevin Hewison)
วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ 2556
รูปใหญ่อยู่ที่: (http://img197.imageshack.us/img197/1796/asiasentinel02062013.png)
กลุ่มที่ “อ้างตนเองว่าเป็นผู้ปกป้อง” สถาบันพระมหากษัตริย์นั้น กำลังเป็นผู้บ่อนทำลายระบบทางกฎหมายเสียเอง
อ่านรายละเอียด
SunaiFanclub DemocratsFreedom Thailand
8 February
ความคืบหน้าการไต่สวนหาสาเหตุการเสียชีวิตในช่วงสลายการชุมนุมทางการเมืองปี 2553 วันนี้ตำรวจ 3 นาย ซึ่งถ่ายคลิปวิดีโอได้ ขณะทหารขึ้นไปบนรางรถไฟฟ้าบีทีเอส ฝั่งตรงข้ามวัดปทุมวนารามฯ เข้าให้การต่อศาล โดยยืนยันว่า กลุ่มคนเหล่านั้นเป็นกองกำลังทหาร และใช้กระสุนจริงในปฏิบัติการ พร้อมย้ำว่า ทหารทุกนายไม่มีท่าทีหลบหลีกการยิงตอบโต้ของชายชุดดำจากด้านล่าง
คลิปวิดีโอนี้ถ่ายขึ้นเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 ช่วงเวลาประมาณ 17.00-17.30 น. จากดานฟ้าบนชั้น 12 อาคาร 19 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่กองกำลังทหาร เข้าปฏิบัติการสลายการชุมนุม กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ที่ปักหลักชุมนุมอยู่บริเวณสี่แยกราชประสงค์
นี่ถือเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญในการไต่สวนหาสาเหตุการเสียชีวิตของ 6 ศพวัดปทุมวนาราม ซึ่งทั้งหมดถูกยิงด้วยกระสุนปืนความเร็วสูง ในทิศทางจากบนลงล่าง โดยในวันนี้ (7 ก.พ.56) ศาลอาญากรุงเทพใต้ นัดสืบพยาน 3 ปาก ซึ่งทั้งหมดเป็นตำรวจที่ใช้กล้องวิดีโอ บันทึกภาพเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุ
...
ภาพที่เห็นคือ ทหารกลุ่มนี้ อยู่ในท่าถือปืนยาวประทับบ่าเตรียมยิง หันปากกระบอกปืนเข้าไปในวัด ซึ่งมีกลุ่มผู้ชุมนุม นปช. โดยเฉพาะเด็ก ผู้หญิง และคนชรา เข้าไปหลบการปะทะอยู่ด้านใน ในช่วงนั้น มีเสียงปืนดังขึ้นเป็นระยะ แต่สิบตำรวจเอกดุลย์ ไม่สามารถมองเห็นแสงและควันจากปลายกระบอกปืนได้ เนื่องจากอยู่ไกลและฟ้ายังสว่าง
อ่านรายละเอียด
(2)
กดดันวัง เป็น ภัยต่อความมั่นคงของชาติ
กดดันทหาร คือ การบีบให้ทหารปฏิวัติ
มาวันนี้
 |
| Doungchampa Spencer |
* * *
 |
| SunaiFanclub DemocratsFreedom Thailand |
ข่าวสำคัญจริงๆ เสียดายดู Voice TV จากต่างประเทศไม่ได้
SunaiFanclub DemocratsFreedom Thailand
8 February
'มือถ่ายคลิปทหารบนรางบีทีเอส' เข้าให้การต่อศาล (ดูคลิปตาม link ตอนท้าย)
ความคืบหน้าการไต่สวนหาสาเหตุการเสียชีวิตในช่วงสลายการชุมนุมทางการเมืองปี 2553 วันนี้ตำรวจ 3 นาย ซึ่งถ่ายคลิปวิดีโอได้ ขณะทหารขึ้นไปบนรางรถไฟฟ้าบีทีเอส ฝั่งตรงข้ามวัดปทุมวนารามฯ เข้าให้การต่อศาล โดยยืนยันว่า กลุ่มคนเหล่านั้นเป็นกองกำลังทหาร และใช้กระสุนจริงในปฏิบัติการ พร้อมย้ำว่า ทหารทุกนายไม่มีท่าทีหลบหลีกการยิงตอบโต้ของชายชุดดำจากด้านล่าง
คลิปวิดีโอนี้ถ่ายขึ้นเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 ช่วงเวลาประมาณ 17.00-17.30 น. จากดานฟ้าบนชั้น 12 อาคาร 19 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่กองกำลังทหาร เข้าปฏิบัติการสลายการชุมนุม กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ที่ปักหลักชุมนุมอยู่บริเวณสี่แยกราชประสงค์
นี่ถือเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญในการไต่สวนหาสาเหตุการเสียชีวิตของ 6 ศพวัดปทุมวนาราม ซึ่งทั้งหมดถูกยิงด้วยกระสุนปืนความเร็วสูง ในทิศทางจากบนลงล่าง โดยในวันนี้ (7 ก.พ.56) ศาลอาญากรุงเทพใต้ นัดสืบพยาน 3 ปาก ซึ่งทั้งหมดเป็นตำรวจที่ใช้กล้องวิดีโอ บันทึกภาพเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุ
...
ภาพที่เห็นคือ ทหารกลุ่มนี้ อยู่ในท่าถือปืนยาวประทับบ่าเตรียมยิง หันปากกระบอกปืนเข้าไปในวัด ซึ่งมีกลุ่มผู้ชุมนุม นปช. โดยเฉพาะเด็ก ผู้หญิง และคนชรา เข้าไปหลบการปะทะอยู่ด้านใน ในช่วงนั้น มีเสียงปืนดังขึ้นเป็นระยะ แต่สิบตำรวจเอกดุลย์ ไม่สามารถมองเห็นแสงและควันจากปลายกระบอกปืนได้ เนื่องจากอยู่ไกลและฟ้ายังสว่าง
อ่านรายละเอียด
* * *
กดดันวัง เป็น ภัยต่อความมั่นคงของชาติ
กดดันทหาร คือ การบีบให้ทหารปฏิวัติ
มาวันนี้
"กดดันศาล เท่ากับ กดดันประเทศ"
อีกไม่นาน สถาบันข้าราชการก็คงจะออกมาประท้วงบ้างล่ะว่า
"กดดันข้าราชการ เท่ากับ เป็นการกดดันในหลวง"
เอาเข้าไปแตะต้องกันไม่ได้เลย แล้วประชาชนจะอยู่อย่างไรวะเนี่ย?
เห็นข่าวจิกกัดคนนั้นเป็นกิ๊กกับคนนี้ คนนี้ซั่มกับคนโน้น
กูว่าคนที่มัวจ้องแต่จะจับผิดเรื่องเซ็กส์คนอื่นเนี่ย เอาเวลาที่จะมาดูว่าใครจะโป๊ ใครจะปี้กับใคร ไปดูแลสุขภาพเซ็กส์ตัวเองก่อนเถอะนะ
"กิน ขี้ ปี้ นอน" เป็นเรื่องปกติของคนสุขภาวะจิตดี และจะปี้กับใคร จะนอนกับใครก็เป็นเรื่องของเขา
"กิน แต่ไม่ขี้ ไม่ปี้ ไม่นอน" คอยนั่งนินทาและจับผิดเซ็กส์คนโน้นคนนี้ต่างหาก ที่เป็นพวกจิตเสื่อมว่ะ
กูขอบอก!
-----------
ถ้าจะพูดเรื่องเซ็กส์ก็พูดกันไปเลย
แต่มาพูดโดยเอาจริยธรรม จริตคนดีและค่านิยมดอแหลแบบไทยๆ มาคอยตัดสิน และด่าประจานกันนี่
กูไม่เอาด้วยจริงๆ
-------------------
สังคมตอแหลดัดจริตที่เมืองไทยเนี่ยนะ
ถ้าเอาเวลาที่มาเฝ้าดูว่าใครจะอึ๊บกับใคร และเอาเวลาที่มานั่งจับผิดและค่อยอ่านระหว่างบรรทัด และฟังระหว่างคำพูดว่า ใครพูดอะไรที่ตนจะตีความตามจริตได้ว่าหมิ่นในหลวง ...
ไปทำอย่างอื่นหรือไปดูแลสุขภาวะจิตตัวเองและครอบครัว
สังคมไทยก็คงจะน่ารัก น่าอยู่ขึ้นอีกอักโข
และเมื่อนั้น ประเทศไทยแลนด์ ก็คงจะเป็นดินแดนแห่งเมืองเทพอมรที่เต็มไปด้วยคนดี(จริงๆ) คนใจกว้าง(จริงๆ) และคนที่รู้จักอดทนอดกลั้นต่อความคิดต่าง(จริงๆ) เสียที
สาธุ สาธุ สาธุ!!!!!!
อีกไม่นาน สถาบันข้าราชการก็คงจะออกมาประท้วงบ้างล่ะว่า
"กดดันข้าราชการ เท่ากับ เป็นการกดดันในหลวง"
เอาเข้าไปแตะต้องกันไม่ได้เลย แล้วประชาชนจะอยู่อย่างไรวะเนี่ย?
* * *
(3)เห็นข่าวจิกกัดคนนั้นเป็นกิ๊กกับคนนี้ คนนี้ซั่มกับคนโน้น
กูว่าคนที่มัวจ้องแต่จะจับผิดเรื่องเซ็กส์คนอื่นเนี่ย เอาเวลาที่จะมาดูว่าใครจะโป๊ ใครจะปี้กับใคร ไปดูแลสุขภาพเซ็กส์ตัวเองก่อนเถอะนะ
"กิน ขี้ ปี้ นอน" เป็นเรื่องปกติของคนสุขภาวะจิตดี และจะปี้กับใคร จะนอนกับใครก็เป็นเรื่องของเขา
"กิน แต่ไม่ขี้ ไม่ปี้ ไม่นอน" คอยนั่งนินทาและจับผิดเซ็กส์คนโน้นคนนี้ต่างหาก ที่เป็นพวกจิตเสื่อมว่ะ
กูขอบอก!
-----------
ถ้าจะพูดเรื่องเซ็กส์ก็พูดกันไปเลย
แต่มาพูดโดยเอาจริยธรรม จริตคนดีและค่านิยมดอแหลแบบไทยๆ มาคอยตัดสิน และด่าประจานกันนี่
กูไม่เอาด้วยจริงๆ
-------------------
สังคมตอแหลดัดจริตที่เมืองไทยเนี่ยนะ
ถ้าเอาเวลาที่มาเฝ้าดูว่าใครจะอึ๊บกับใคร และเอาเวลาที่มานั่งจับผิดและค่อยอ่านระหว่างบรรทัด และฟังระหว่างคำพูดว่า ใครพูดอะไรที่ตนจะตีความตามจริตได้ว่าหมิ่นในหลวง ...
ไปทำอย่างอื่นหรือไปดูแลสุขภาวะจิตตัวเองและครอบครัว
สังคมไทยก็คงจะน่ารัก น่าอยู่ขึ้นอีกอักโข
และเมื่อนั้น ประเทศไทยแลนด์ ก็คงจะเป็นดินแดนแห่งเมืองเทพอมรที่เต็มไปด้วยคนดี(จริงๆ) คนใจกว้าง(จริงๆ) และคนที่รู้จักอดทนอดกลั้นต่อความคิดต่าง(จริงๆ) เสียที
สาธุ สาธุ สาธุ!!!!!!
* * *
(4)
ช่วยด่าต่อด้วยว่าเป็นแถลงการณ์ที่ทุเรศมากๆ
กระทรวงต่างประเทศทำตัวราวกับว่า ผ่านมา 5-6 ปีแล้วกับเรื่องคดีมาตรา 112 คนต่างชาติยังโง่กันอยู่ ยังเอาข้ออ้างที่ถูกหักล้างไปหมดทุกข้อมานานแล้วเช่นนี้ มาใช้อ้างต่อกรณีพี่สมยศกันอยู่นั่นแหละ
หัดทำการบ้านกันซะทีเถอะ
หัดพูดความจริงและยอมรับความจริงกันบ้างเถอะ
ประชาชนจะได้ให้อภัยและเดินหน้าไปด้วยกันด้วยภารดรภาพกันมากขึ้น
----------
ความกลัวพิษภัยมาตรา 112 นี่มันเป็นเรื่องน่ากลัวจริงนะ และคนที่กลัวก็ไม่ใช่คนขี้ขลาดหรือผิดปกติ
กูก็กลัวจะถูกคุกคาม, ถูกคนแจ้งความดำเนินคดีมาตรา 112, ถูกส่งเข้าคุกโหดเมืองไทย, หรือถูกกลั้นแกล้งคุกคามในคุก จนไม่สามารถทำงานที่อยากจะทำเช่นนี้ได้
จึงต้องแก้ปัญหาความกลัวด้วยการตั้งมั่นเปิดประเด็นปัญหาเมืองไทยและรณรงค์ยกเลิกมาตรา 112 ที่ต่างแดนเช่นนี้
กูได้รับฟังคนที่เมืองไทยพูดกับกูบ่อยๆ ว่า มีครอบครัว ยังไม่กล้าทำอะไรเรื่องนี้ตรงๆ
แม้คนไทยที่อยู่ต่างแดนที่คุยด้วยจำนวนไม่น้อยยังไม่กล้าพูดเรื่องสถาบันฯ เมืองไทยอย่างเปิดเผย ต่างก็บอกว่า มีครอบครัวอยู่เมืองไทย กลัวกลับเมืองไทยไม่ได้
พวกนักข่าวต่างประเทศในไทย ที่มีภาษีดีกว่าคนอื่นก็ยังกลัว จนไม่กล้าเล่นข่าวกันอย่างตรงๆ ... ถ้าจะเล่นเรื่องมาตรา 112 ก็ต้องเตรียมการถึงขั้นปิดสำนักงานในเมืองไทยแล้วทำสารคดีเรื่องมาตรา 112 ทิ้งทวนเช่นที่สำนักข่าว ABC ของออสเตรเลียทำ หรือที่แอนดรูว์ ทำ แต่ก็ต้องแลกกับอาชีพการงานที่มั่นคง และไม่สามารถเดินทางมาประเทศไทยกันเลยทีเดียว
ข้าราชการ ผู้พิพากษา ตำรวจ ทหาร หรือ สลิ่ม รัฐบาล สส. ต่างก็กลัวมาตรา 112 - กลัวจะถูกกล่าวหาว่าไม่จงรักภักดี
ลึกๆ แล้วพวกสลิ่มก็คงกลัวมาตรา 112 และที่พากันลุกขึ้นมาปกป้องสถาบันกันอย่างคลุ้มคลั่ง ก็เพราะกลัวข้อกล่าวหาว่าไม่จงรักภักดีกันนี่ล่ะ
ถ้าจะแก้ปัญหาความกลัว ไม่ใช่ลุกขึ้นมาประจานคนที่หวาดกลัว หรือไม่กล้าทำอะไรเพราะความหวาดหวั่นถึงพิษภัยที่จะตามมา
แต่ต้องลุกกันขึ้นมาช่วยกดดันให้กฎหมายตัวนี้ และพรบ. คอมพิวเตอร์ ถูกยกเลิกไปให้ได้โดยเร็วที่สุด เช่นที่คนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ในเมืองไทยและต่างแดนกำลังทำกันอยู่
ด้วยการเรียกร้องให้ยกเลิกมาตรา 112,
ให้ยกเลิก พรบ. คอมพิวเตอร์,
ให้แก้รัฐธรรมนูญ,
ให้ปฏิรูปเรือนจำ,
ให้ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม
และปฎิรูปวิถีสำนักพระราชวัง
เป็นต้น
เรื่องนี้กูถามจริงๆ เพราะมันต้องแก้ไขกันได้แล้ว ทำไมไม่มีใครคิดขยับกันสักที!
กระทรวงต่างประเทศทำตัวราวกับว่า ผ่านมา 5-6 ปีแล้วกับเรื่องคดีมาตรา 112 คนต่างชาติยังโง่กันอยู่ ยังเอาข้ออ้างที่ถูกหักล้างไปหมดทุกข้อมานานแล้วเช่นนี้ มาใช้อ้างต่อกรณีพี่สมยศกันอยู่นั่นแหละ
หัดทำการบ้านกันซะทีเถอะ
หัดพูดความจริงและยอมรับความจริงกันบ้างเถอะ
ประชาชนจะได้ให้อภัยและเดินหน้าไปด้วยกันด้วยภารดรภาพกันมากขึ้น
----------
Press Releases : The Thai Criminal Court’s Ruling on Mr. Somyot Prueksakasemsuk
On 23 January 2013, the Criminal Court found Mr. Somyot Prueksakasemsuk guilty of offences under Section 112 of the Thai Criminal Code, or the so-called lèse-majesté law, for spreading false information to incite hatred toward the monarchy. His sentence was based on his conviction on two counts related to two articles he published in the Voice of Taksin magazine in 2010.
...
It must be emphasized that Section 112 of the Thai Criminal Code is in conformity with relevant international human rights laws. Article 19 of the International Covenant on Civil and Political Rights (ICCPR) recognizes that the right to freedom of expression is not without limits. The right to freedom of expression carries with it special duties and responsibilities, and may be subject to certain restrictions as provided by law as necessary to uphold the rights or reputations of others, protect national security, and public order. In addition, Article 17 of the said covenant also provided everyone with the right to protect his or her honour and reputation.
ความกลัวพิษภัยมาตรา 112 นี่มันเป็นเรื่องน่ากลัวจริงนะ และคนที่กลัวก็ไม่ใช่คนขี้ขลาดหรือผิดปกติ
กูก็กลัวจะถูกคุกคาม, ถูกคนแจ้งความดำเนินคดีมาตรา 112, ถูกส่งเข้าคุกโหดเมืองไทย, หรือถูกกลั้นแกล้งคุกคามในคุก จนไม่สามารถทำงานที่อยากจะทำเช่นนี้ได้
จึงต้องแก้ปัญหาความกลัวด้วยการตั้งมั่นเปิดประเด็นปัญหาเมืองไทยและรณรงค์ยกเลิกมาตรา 112 ที่ต่างแดนเช่นนี้
กูได้รับฟังคนที่เมืองไทยพูดกับกูบ่อยๆ ว่า มีครอบครัว ยังไม่กล้าทำอะไรเรื่องนี้ตรงๆ
แม้คนไทยที่อยู่ต่างแดนที่คุยด้วยจำนวนไม่น้อยยังไม่กล้าพูดเรื่องสถาบันฯ เมืองไทยอย่างเปิดเผย ต่างก็บอกว่า มีครอบครัวอยู่เมืองไทย กลัวกลับเมืองไทยไม่ได้
พวกนักข่าวต่างประเทศในไทย ที่มีภาษีดีกว่าคนอื่นก็ยังกลัว จนไม่กล้าเล่นข่าวกันอย่างตรงๆ ... ถ้าจะเล่นเรื่องมาตรา 112 ก็ต้องเตรียมการถึงขั้นปิดสำนักงานในเมืองไทยแล้วทำสารคดีเรื่องมาตรา 112 ทิ้งทวนเช่นที่สำนักข่าว ABC ของออสเตรเลียทำ หรือที่แอนดรูว์ ทำ แต่ก็ต้องแลกกับอาชีพการงานที่มั่นคง และไม่สามารถเดินทางมาประเทศไทยกันเลยทีเดียว
ข้าราชการ ผู้พิพากษา ตำรวจ ทหาร หรือ สลิ่ม รัฐบาล สส. ต่างก็กลัวมาตรา 112 - กลัวจะถูกกล่าวหาว่าไม่จงรักภักดี
ลึกๆ แล้วพวกสลิ่มก็คงกลัวมาตรา 112 และที่พากันลุกขึ้นมาปกป้องสถาบันกันอย่างคลุ้มคลั่ง ก็เพราะกลัวข้อกล่าวหาว่าไม่จงรักภักดีกันนี่ล่ะ
ถ้าจะแก้ปัญหาความกลัว ไม่ใช่ลุกขึ้นมาประจานคนที่หวาดกลัว หรือไม่กล้าทำอะไรเพราะความหวาดหวั่นถึงพิษภัยที่จะตามมา
แต่ต้องลุกกันขึ้นมาช่วยกดดันให้กฎหมายตัวนี้ และพรบ. คอมพิวเตอร์ ถูกยกเลิกไปให้ได้โดยเร็วที่สุด เช่นที่คนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ในเมืองไทยและต่างแดนกำลังทำกันอยู่
ขจัดความกลัวด้วยการรณรงค์ให้มีการแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม
ด้วยการเรียกร้องให้ยกเลิกมาตรา 112,
ให้ยกเลิก พรบ. คอมพิวเตอร์,
ให้แก้รัฐธรรมนูญ,
ให้ปฏิรูปเรือนจำ,
ให้ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม
และปฎิรูปวิถีสำนักพระราชวัง
เป็นต้น
* * *
(6)เรื่องนี้กูถามจริงๆ เพราะมันต้องแก้ไขกันได้แล้ว ทำไมไม่มีใครคิดขยับกันสักที!
