16 พ.ย. 13


ยิ่งอ้างว่าเพื่อปกป้องสถาบันกษัตริย์ ก็ยิ่งทำร้ายประเทศไทย
* * * * 

อืม ... เมืองไทยก็อ่อนไหวเกินเหตุ ทั้งๆ ที่รู้ว่าจริงๆ แล้วทั่วโลกเขารู้เห็นหมดแล้ว

ไม่รู้ว่าผู้มีบทบาทในเมืองไทย จะทำให้สถาบันฯ ไทยเป็นตัวตลกของชาวโลกไปถึงขนาดไหน - กับการเซ็นเซอร์ทุกเรื่องอย่างไร้เหตุผลแบบนี้

ยิ่งทำแบบนี้ ก็ยิ่งทำลายภาพพจน์ของสถาบันฯ ยิ่งทำให้สถาบันกษัตริย์ไทย กลายเป็นตัวตลกในสายตาชาวโลกมากยิ่งขึ้น ...

สิ่งที่ทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้านและชาวรอยัลลิสต์ทำ - การอ่อนไหวกับเรื่องภาพลักษณ์สถาบันฯ กันจนเกินเหตุ และใช้เพื่อเป็นเหตุผลในการเล่นการเมืองกันเกินไปเช่นนี้ - ยิ่งจะเป็นการสร้างความเสื่อมเสียต่อภาพลักษณ์สถาบันฯ ไม่ใช่เป็นเรื่องการปกป้องรักษาสถาบันดังปากกล่าวอ้างกันแม้แต่น้อย

* * * *

เห็นรูปเหล่าดาราที่เข้าร่วมม๊อบสุเทพแล้วก็เข้าใจและก็สงสารพวกเขานะฮะ

นอกจากทนดูละครน้ำเน่าเมืองไทยไม่ได้มานานแล้ว
เมื่อมาเห็นพวกดาราที่เล่นละครเหล่านี้ พยายามมาแสดงออกทางการเมือง
อย่างไม่เข้าใจอะไรทั้งสิ้น ...

ก็ทำให้ตีความไปเป็นแบบอื่นไม่ได้ว่า
นอกจากการท่องบทละครที่ต้องเล่นแล้ว พวกดาราและผู้กำกับเหล่านี้
อาจจะไม่เคยอ่านหนังสืออะไรที่ก้าวหน้าเพื่อล้างตาเลยแม้แต่น้อย

มิน่าล่ะ ละครน้ำเน่าเมืองไทยจึงยังอยู่ในวังวน "อีลำยอง-ทองเนื้อเกล้า"
ที่เอามาเล่นซ้ำแล้วซ้ำอีก ... กันอยู่นั่นแล้ว!

* * * *

สำหรับวันลอยกระทง

ให้กับทุกคนที่ยังรอคอยอ้อมกอดที่วางใจ
...................................

อยากได้รับจดหมายรัก
ที่ปั้นแต่งด้วยอักษรที่งดงาม
ขอกับแสงเดือนและสายน้ำเย็นยะเยือก
แต่มันก็เพียงคำภาวนาที่ว่างเปล่า

เมื่อความปราถนาที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้...
และไม่อาจไม่มีใครใคร่รู้
ฤาก็เพียงแค่ความใคร่ทางอารมณ์
ที่ถลิวหาอ้อมกอดในยามเดียวดาย

ฤาอาจจะแค่อยากปลดปล่อยความปรารถนา
... เพื่อเผชิญหน้ากับอารมณ์ที่ล่องลอยตามสายน้ำ

เอ่อระเหยลอยชาย
ไปกับความคิดและความฝัน
กับอารมณ์ที่ปะทุขึ้นชั่วครู่ยาม
ที่จะแปรผันในวันรุ่งพรุ่งนี้

จริงหรือที่ความรักประจักษ์เฉพาะในวรรณกรรม
จากจินตภาพแห่งความจริงชั่วครู่ยาม
ที่ทิ้งความรักต่างสีสันไว้ในความทรงจำ...ที่ขาดช่วง
ที่พร่าเลือนตามวันเวลาและความวุ่นวายในชีวิต

วรรณกรรมรักนิรันดรที่ปั่นแต่ง
เพื่อจองจำชั่วครู่ยามไว้ตราบลมหายใจพราก
หรือความรักนั้นไม่ได้วางไว้ที่ผู้อื่นผู้ใด
แต่มันมั่นคงอยู่กับตัวตนหนึ่งนี้ตลอดมา

16 พ.ย. 13

* * * *

นั่งแปลเอกสารหลายหน้า เพื่อใช้ในการต่อสู้คดีต่างๆ ของคนงานเก็บเบอร์รี่มาสองวัน และก็คุยทักทายกับหลายคน ที่ทั้งโทรมาหาและโทรไปหา ...

มีแต่คนถามว่าเมื่อไรจะได้กลับไทย และชวนไปเยี่ยมที่หมู่บ้านของพวกเขา ....

เฮ้อ!!! อยากกลับไปเยือนอีสานและไปช่วยหลายคนเกี่ยวข้าวจริงๆ !!!

* * * *

One of the last picture taken on the hill behind Open Heart, before I left Thailand and haven't returned since 2010.

ภาพที่ถ่ายในปี 2553 ที่เนินเขาหลังบ้านเปิดใจก่อนเดินทางจากมา และยังไม่ได้กลับบ้าน