ชาติกำเนิดไม่ได้ทำให้คนเหนือคน
การศึกษาไม่ใช่เครื่องวัดการมีสิทธิเหนือกว่า
ความเป็นคนเมืองหรือคนชนบท
ไม่ใช่เหตุผลเพื่อแบ่งแยกผู้คนไว้คนละชนชั้น
* * *
แต่ม็อบเทพก็ยังประกาศจะยึดเมืองอีกครั้งในวันที่ 22 ธันวาคน
ท่าทีของพรรคอันธพาลประชาธิปัตย์ก็ยังจะสามารถส่งผลต่อทิศทางการเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์
และผู้คนมีชื่อเสียงแห่งเมืองสวรรค์ก็ยังดาหน้าออกกันมาเรื่อยๆ เพื่อหนุนม็อบอันธพาล
มันคงเป็นสถานการณ์ที่พูดกันไม่ได้ด้วยเหตุผลจริงๆ
นอกจากต้องต่อสู้กันต่อไปแม้จะเหนื่อยหน่ายกันแค่ไหนก็ตาม
ก็หวังว่าในที่สุด ตรรกะและเหตุผลที่พัฒนาไปตามโลกสมัยใหม่และทันยุคทันสมัย
จะสามารถเอาชนะความดันทุรังของม็อบ เพื่อย้อนศรประเทศไทยกลับคืนสู่โลกยุคโบราณของคนเมืองสวรรค์กันได้ในที่สุด
* * *
ผมอยากเชิญชวนบอยคอตดาราที่เข้าร่วมม็อบเทพ
และสินค้าที่สนับสนุนม็อบเทพ
ด้วยการไม่ดูละครน้ำเน่าของดาราเหล่านี้
ที่นอกจากการแสดงที่ดูถูกสติปัญญาคนดูแล้ว
ยังมีทัศนคติทางการเมืองที่ดูถูกประชาชนคนดู
โดยเฉพาะคนชนบทอีกด้วย
และก็ชวนบอยคอตสินค้า
ที่อุปถัมภ์แก๊งอันธพาลปล้นประชาธิปไตยครั้งนี้กันด้วย
แฉมาให้หมดเลยว่ามีกีแบรนด์
แล้วเรามารณรงค์บอยคอตสินค้าเหล่านี้
จนพวกอภิมหาเศรษฐีเหล่านี้
ต้องลุกมาขอโทษในพฤติกรรมที่ทำลงไป
ใครเห็นด้วยบ้างครับ?
* * *
กปปส. แนวร่วมและผู้สนับสนุนไม่ต้องการให้ผู้คนในสังคมไทยฟังความจริง
เพราะความจริงจะไปสั่นคลอนความเชื่อและความศรัทธาที่พวกเขาพยายามมอบเมาสังคมและมวลมหาประชาชน
ด้วยสังคมที่มีความเชื่อและความศรัทธาเป็นตัวชูธงเท่านั้น
ที่วิถีอภิสิทธิชนจะสามารถดำรงอยู่ได้ต่อไป!
* * *
อย่าเลื่อนวันเลือกตั้งเด็ดขาด
กกต.มีหน้าที่จัดการเลือกตั้ง
แหมม เข้ามารับตำแหน่งก้นยังไม่ทันร้อนเลย
แม่ง ทำตัวเป็นนายหน้าให้ กปปส. และพรรคประชาธิปัตย์ทันทีเลยนะพวกท่าน
* * *
สุดเลิฟ เขียนในประเด็นที่สำคัญเช่นนี้
ผมต้องแชร์ฮัฟ
ระบอบฟาสซิสม์ ( Fascism )
ดอกเตอร์ Lawrence Britt นักรัฐศาสตร์ผู้ศึกษาระบอบเผด็จการฟาสซิสต์หลายประเทศ ได้แก่ ระบอบของฮิตเลอร์ในเยอรมนี (ค.ศ.1933-1945), มุสโสลินีในอิตาลี (ค.ศ.1922-1943), ฟรังโกในสเปน (ค.ศ.1939-1975), ซูฮาร์โตในอินโดนีเซีย (ค.ศ.1967-1989) และปิโนเชต์ในชิลี (ค.ศ.1974-1990) ได้ประมวลสรุปบุคลิกเอกลักษณ์ที่ระบอบฟาสซิสต์ต่างๆ เหล่านี้มีร่วมกันไว้ 14 ประการ ได้แก่
ดอกเตอร์ Lawrence Britt นักรัฐศาสตร์ผู้ศึกษาระบอบเ
1) ชูชาตินิยมอย่างแข็งกร้าวและพร่ำเพรื่อ
ระบอบฟาสซิสต์มักพร่ำใช้คำขวัญ, วาทะ, สัญลักษณ์, เพลง และวัสดุอุปกรณ์รักชาติอื่นๆ อย่างฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือยเสมอ เอะอะก็ชักธงชาติ ติดธงชาติตะพึดตะพือตามตึกรามอาคารถนนหนทางทุกหนแห่ง ไม่เว้นแม้แต่บนเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย
2) เมินเฉยไม่นำพาสิทธิมนุษยชน
อารามตื่นกลัว "ศัตรู" และโหยหา "ความมั่นคง" จนสิ้นสติ ผู้คนพลเมืองในระบอบฟาสซิสต์จึงถูกชักจูงให้คล้อยตามท่านผู้นำว่า จำเป็นต้องละเลยสิทธิมนุษยชนเสียในบางกรณี พวกเขามักทำเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ หรือกระทั่งเห็นดีเห็นงามไปกับการทรมานผู้ต้องสงสัย, ใช้อำนาจปฏิวัติหรืออำนาจฉุกเฉินสั่งยิงเป้า, ฆ่าตัดตอน, อุ้มหายสาบสูญ, ขังลืม ฯลฯ เอากับบรรดาผู้ถูกตราหน้าว่าเป็น "ศัตรู"
3) ปลุกผี "ศัตรู" ขึ้นมาเป็นแพะรับบาปเพื่อสร้างความสามัคคีบนพื้นฐานความเกลียดและความกลัว
ปลุกระดมประชาชนให้สามัคคีกันคลั่งชาติเพื่อกำจัดผู้ที่ถูกถือว่าเป็น "ศัตรู" หรือ "ภัยคุกคาม" ร่วมกัน ไม่ว่าเจ๊ก, แกว, แขก, คริสต์, มุสลิม, เสรีนิยม, คอมมิวนิสต์, สังคมนิยม, ผู้ก่อการร้าย ฯลฯ
4) ทหารเป็นใหญ่ในบ้านเมือง
แม้ในยามบ้านเมืองอัตคัดขัดสนข้าวยากหมากแพง ทหารยังคงได้สัดส่วนงบประมาณมากเป็นพิเศษเหนือกิจการด้านอื่นๆ ทหารหาญได้รับยกย่องสดุดีอย่างสูงยิ่ง
5) กดขี่ทางเพศอย่างแพร่หลาย
รัฐบาลประเทศฟาสซิสต์มักถูกครอบงำโดยผู้นำเพศชายแทบจะล้วนๆ และยึดมั่นถือมั่นการแบ่งแยกบทบาทหน้าที่ชาย/หญิงตามประเพณีอย่างเคร่งครัด ตายตัว การหย่าร้าง ทำแท้ง และพฤติการณ์รักร่วมเพศจะถูกกดขี่ปราบปราม รัฐถูกถือเป็นองครักษ์พิทักษ์สถาบันครอบครัวอย่างถึงที่สุด
6) ปิดปากควบคุมสื่อมวลชน
บางครั้งรัฐบาลฟาสซิสต์จะเข้ากำกับควบคุมสื่อมวลชนโดยตรง แต่บางทีก็ทำโดยอ้อมผ่านกฎระเบียบราชการหรือผู้บริหาร และกระบอกเสียงโฆษกที่ฝักใฝ่รัฐบาล การเซ็นเซอร์ทำกันดกดื่นโดยเฉพาะในยามสงคราม
7) หมกมุ่นฝังหัวเรื่อง "ความมั่นคงแห่งชาติ"
รัฐบาลฟาสซิสต์จะใช้ความกลัวเป็นเครื่องมือสำคัญในการจูงจมูกมวลชนให้เชื่อฟัง และสยบยอมตามภายใต้ข้ออ้างเรื่อง "ความมั่นคง"
รัฐบาลพัวพันอีนุงตุงนังกับศาสนจักร
รัฐบาลฟาสซิสต์มักฉวยใช้ศาสนาหลักที่แพร่หลายในประเทศ เป็นเครื่องมือหลอกล่อชักจูงมติมหาชน ผู้นำรัฐบาลจะพร่ำพูดเรื่องศีลธรรมไม่ขาดปาก เข้ามนัสการพระชื่อดังไม่ขาดสาย แต่กลับดำเนินนโยบายและมาตรการขัดทวนสวนทางหลักคำสอนศาสนาเป็นตรงกันข้าม
9) ปกป้องอำนาจกลุ่มธุรกิจ
ชนชั้นนำในวงการธุรกิจอุตสาหกรรมมักเป็นตัวการหนุนหลังผู้นำรัฐบาลให้ขึ้นสู่อำนาจ จึงผูกสานเป็นสายใยสัมพันธ์ที่เอื้อประโยชน์ต่อกันในหมู่ชนชั้นนำแห่งวงการธุรกิจกับรัฐบาล
10) กดขี่ขบวนการแรงงาน
เนื่องจากแรงงานที่จัดตั้งกันเป็นสหภาพ นับเป็นภัยคุกคามรัฐบาลฟาสซิสต์ที่แท้จริงเพียงหลักเดียว ฉะนั้น ถ้าไม่ถูกกวาดล้างจนเหี้ยนเตียนก็โดนปราบปรามอย่างหนัก
11) ดูหมิ่นถิ่นแคลนปัญญาชนและศิลปวรรณกรรม
ระบอบฟาสซิสต์มักส่งเสริมและปล่อยให้เกิดการต่อต้านเป็นปฏิปักษ์กับการศึกษาชั้นสูง และแวดวงวิชาการอย่างเปิดเผย อาจารย์นักวิชาการจะถูกเซ็นเซอร์หรือแม้แต่จับกุมเป็นปกติวิสัย เสรีภาพที่จะแสดงออกในทางศิลปวรรณกรรมถูกโจมตีโต้งๆ
12) ปราบปรามลงโทษอาชญากรรมด้วยอำนาจอาญาสิทธิ์
ภายใต้ระบอบฟาสซิสต์ ตำรวจได้รับอำนาจไร้ขีดจำกัดในการบังคับใช้กฎหมาย ประชาชนมักยินดีทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น เวลาตำรวจฉวยใช้อำนาจรังแกผู้คน หรือแม้แต่ละทิ้งสิทธิเสรีภาพของพลเมืองเพื่อเห็นแก่ชาติ บ่อยครั้งประเทศฟาสซิสต์ จะอาศัยกองกำลังตำรวจระดับชาติที่มีอำนาจไร้ขีดจำกัดในทางเป็นจริงไปรักษา "กฎหมายและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง"
13) การเล่นพวกพ้องและทุจริตคอร์รัปชั่นแพร่ระบาด
แทบจะเป็นกฎเกณฑ์เลยว่า ระบอบเผด็จการฟาสซิสต์ทั้งหลายจะปกป้องโดยกลุ่มพรรคพวกเพื่อนพ้องที่เอื้อเฟื้อแต่งตั้งกันและกัน ไปกินตำแหน่งใหญ่โตในราชการแล้วใช้อำนาจนั้นๆ ปกป้องกันและกันให้พ้นผิดตามหลัก "ไม่ฆ่าน้อง ไม่ฟ้องนาย ไม่ขายเพื่อน" การฉ้อราษฎร์บังหลวงโดยผู้นำรัฐบาล มีเป็นปกติธรรมดาในระบอบดังกล่าว เนื่องจากการขีดเส้นแบ่งนิยามว่าอะไรเป็นของหลวง / อะไรเป็นของกูนั้น ดันไปขึ้นอยู่กับอำนาจสิทธิขาดของผู้นำ
14) โกงเลือกตั้ง
บ่อยครั้งการเลือกตั้งในประเทศเผด็จการฟาสซิสต์เป็นตลกลวงโลกทั้งเพ การจัดการเลือกตั้งถูกฉ้อฉลบิดเบือนโดยการรณรงค์ให้ร้ายป้ายสี หรือกระทั่งลอบสังหารผู้สมัครฝ่ายค้าน, ออกกฎหมายกำกับควบคุมจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง หรือแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ให้เป็นคุณแก่ตน, ใช้สื่อมวลชนเป็นกระบอกเสียงรัฐบาลฝ่ายเดียว และควบคุมชักเชิดกรรมการจัดเลือกตั้ง และศาลตุลาการอยู่หลังฉาก
ระบอบฟาสซิสต์มักพร่ำใช้คำข
2) เมินเฉยไม่นำพาสิทธิมนุษยชน
อารามตื่นกลัว "ศัตรู" และโหยหา "ความมั่นคง" จนสิ้นสติ ผู้คนพลเมืองในระบอบฟาสซิสต
3) ปลุกผี "ศัตรู" ขึ้นมาเป็นแพะรับบาปเพื่อสร
ปลุกระดมประชาชนให้สามัคคีก
4) ทหารเป็นใหญ่ในบ้านเมือง
แม้ในยามบ้านเมืองอัตคัดขัด
5) กดขี่ทางเพศอย่างแพร่หลาย
รัฐบาลประเทศฟาสซิสต์มักถูก
6) ปิดปากควบคุมสื่อมวลชน
บางครั้งรัฐบาลฟาสซิสต์จะเข
7) หมกมุ่นฝังหัวเรื่อง "ความมั่นคงแห่งชาติ"
รัฐบาลฟาสซิสต์จะใช้ความกลั
รัฐบาลพัวพันอีนุงตุงนังกับ
รัฐบาลฟาสซิสต์มักฉวยใช้ศาส
9) ปกป้องอำนาจกลุ่มธุรกิจ
ชนชั้นนำในวงการธุรกิจอุตสา
10) กดขี่ขบวนการแรงงาน
เนื่องจากแรงงานที่จัดตั้งก
11) ดูหมิ่นถิ่นแคลนปัญญาชนและศ
ระบอบฟาสซิสต์มักส่งเสริมแล
12) ปราบปรามลงโทษอาชญากรรมด้วย
ภายใต้ระบอบฟาสซิสต์ ตำรวจได้รับอำนาจไร้ขีดจำกั
13) การเล่นพวกพ้องและทุจริตคอร
แทบจะเป็นกฎเกณฑ์เลยว่า ระบอบเผด็จการฟาสซิสต์ทั้งห
14) โกงเลือกตั้ง
บ่อยครั้งการเลือกตั้งในประ
* * *
มันเทียบจำนวนคนกันไม่ได้เด็ดขาด
ระหว่างมวลมหาประชาชนของม๊อบเทพ เพื่อประชาธิปัตย์ ... ที่ต้องอ้างเติมตัวเลข 0 ต่อท้ายจำนวนจริงกันสองสามตัวตลอดเวลา เพื่ออ้างถึงความเป็น "มวลมหา" ในทุกครั้ง
กับมวลชนคนเสื้อแดงหนุนเพื่อไทยและประชาธิปไตย ที่รูปภาพการรวมตัวแต่ละครั้งก็พิสูจน์ชัดในตัวของมันเองเรื่องจำนวน
การเมืองไทยตอนนี้เป็นการเมืองต่อสู้ทางชนชั้นอย่างแท้จริง
และแม้ฝ่ายเทพจะสร้างความปั่นป่วนเสียหายมากแค่ไหนก็ตาม
แต่สุดท้ายฟันธงได้เลยว่า ใครที่ไม่ได้อยู่ข้างประชาธิปไตย จะพ่ายแพ้อย่างแน่นอน
เพราะมีแต่คนบ้าและคนไม่เห็นหัวคนเท่านั้น ...
ที่ยังคิดและเชื่อว่าจะยังคงสามารถดูถูกสติปัญญาคนทั้งประเทศอยู่ได้แม้ ณ พ.ศ.นี้
* * *
![]() |
"ทำอะไรเกรงใจปากท้องตัวเอง มิตรสหายท่านหนึ่ง |
เห็นด้วยกับมาตรการบอยคอต
ทุกแบรนด์ที่สนับสนุนขบวนการโค่นประชาธิปไตย
ไม่ว่าจะมีใครเป็นแบล็คก็ตาม
จนกว่าพวกกลุ่มทุนเหล่านี้จะหยุดหนุนการเมือง
ที่ไม่เล่นตามกฎกติกาและมารยาท