ยกเลิก 112 เถอะ
ประเทศจะ set+10 ทันที
ใส่แดงมานานแล้ว
แต่อาจจะไม่ใช่แดงในนิยามของเพื่อไทย
แดงมาตั้งแต่ต้านรัฐประหาร 2549
ค้านรัฐธรรมนูญ 2550
ค้านพัธมิตรยึดสนามบิน 2552
ประนาณการล้ม 3 พรรคการเมืองของศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ปชป. ขึ้นสู้อำนาจเมื่อเดือนธันวา 2551
เชืยร์การเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงในปี 2552 และ 2553
ทนไม่ได้กับการสังหารประชาชนเมื่อเดือน พฤษภาคม 2553
จนต้องตัดสินใจทิ้งหน้าที่การงาน ทิ้งบ้าน ไม่กลับประเทศไทย
เพื่อทำงานเขียนทางการเมืองไทยโดยไม่เซ็นเซอร์ตัวเองตั้งแต่ มิถุนายน 2553
ขอค้านการกระทำที่ไม่เป็นประชาธิปไตยทุกรูปแบบ
ขอสู้เพื่อเสรีภาพ และ
การมีส่วนร่วมของประชาชนในการต่อรองเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น
โดยไม่มีการเลือกปฏิบัติในทางกฎหมาย
โดยไม่มีอภิสิทธิชนในทางกฎหมาย
ที่สำคัญที่สุดเพื่อการเมืองที่เห็นและยอมรับว่า "คนเท่ากับคน"
ไม่มีนาย ไม่มีหัวหน้า ไม่มีแกนนำ
ไม่เป็นนาย ไม่เป็นหัวหน้า ไม่เป็นแกนนำ
เป็นเพียงหนึ่งคนไทยที่สู้ร่วมกับทุกคน
เพราะมันเป็นพันธกิจของคนรักประชาธิปไตย
และอยากเห็นประเทศไทยก้าวหน้าที่มีร่วมกัน
* * *
สถานการณ์เมืองไทยตอนนี้มันควรจะไม่จำกัดตัวอยู่เพียง ..
เหมาเข่ง หรือเหมาพวก
ไม่ควรจะเป็นเรื่องต้องปลุกระดมหาพวก เพื่อมาเข้าเข่งหรือมาเข้าพวก ...
ไม่ใช่เรื่องโจมตีทุกรูปแบบแม้จะต้องใช้ข้อมูลเท็จกับคนที่ไม่ใช่พวกหรือไม่เข้าพวก
ไม่ใช่เรื่องต้องยกใบปริญาบัตรมากมายมาค้ำประกันข้อคิดเห็นของตัวเอง
ไม่ใช่เรื่องอาวุโส กูสู้มาก่อนหรือสู้มานาน ... มึงต้องเคารพกู
ไม่ใช่เรื่องมาเดียจฉันท์กันว่ามึงแดงหรือมึงไม่แดง
ไม่ใช่เรื่องมาด่ากันเพียงว่ามึงเหลืองหรือมึงไม่เหลือง
ไม่ใช่เรื่องมากดดันว่า ถ้าเพื่อไทยก็อย่าแตกแถว
ไม่ใช่เรื่องมาเหมารวมว่าถ้าไม่เพื่อไทยก็ประชาธิปัตย์
ฯลฯ
สถานการณ์เมืองไทยตอนนี้เป็นประวัติศาสตร์สมัยใหม่ที่น่าสนใจยิ่ง
และจะส่งประโยชน์มากมายกับผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ ที่รักและรู้จักประชาธิปไตย และเข้าใจพัฒนาการการเปลี่ยนแปลงสังคม ...
ถ้าผู้นำหรือนักการเมืองใช้ความเข้าใจนี้ .. สามารถทำความเข้าใจกับมวลชนและแนวร่วมให้ยอมรับความคิดต่าง และพยายามเตือนสติกันให้รู้จักคุมสติ และอดทนอดกลั้น ต่อความยั่วยุ และความเผ็ดร้อนแห่งการถกเถียงกันทางการเมืองทั้งหลาย รวมทั้งพยายามสลายวิถีคิดเดียจฉันท์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น
สร้างให้กลุ่มคน พวกพ้อง แนวร่วม แนวตาม หรือแนวรับคำสั่ง ... เข้าใจร่วมกันว่า "คิดต่าง เห็นต่าง คิดแยก หรือแยกจริง" เป็น "ภาพสะท้อนแห่งการพัฒนาสู่ความเข้มแข็งของประชาธิปไตยไทย" ที่น่ายินดี
นักการเมืองที่มีวิสัยทัศน์จะรีบฉกฉวยโอกาสตรงนี้ ... สื่อสารกับสังคมในวงกว้าง ให้เข้าใจถึงพัฒนาการและการตื่นตัวทางการเมืองของประชาชน และประกาศจุดยืนว่า จะเปิดใจ เปิดเสรีภาพให้ทุกกลุ่มได้แสดงความคิดเห็นกันได้อย่างเต็มที่ ... โดยไม่พยายามใช้กำลังอำนาจเจ้าหน้าที่รัฐที่มีอยู่กว่า 1.2 ล้านคน ทำการปิดกั้น ป้องกัน หรือคุกคามประชาชน ไม่ให้สามารถแสดงออกทางการเมืองได้
รัฐบาลที่มีวิสัยทัศน์ จะตระหนักทันทีว่า "มีคนตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลอยู่มาก" ดังนั้นต้องระมัดระวังท่าทีและการกระทำที่สวนกระแสกับหลักการประชาธิปไตย ...
เพราะท้ายที่สุด การจะฝ่าวงล้อมแห่งการต้องการล้มรัฐบาลของคายรอยัลลิสต์ที่มีมาตลอดนั้น สามารถเอาชนะได้ด้วยการยึดมั่นอย่างชอบธรรมและเที่ยงธรรมใน 3 เสาหลักแห่งอุดมการณ์ประชาธิปไตย
นักการเมืองและผู้นำที่มีใจรักประชาธิปไตยทุกค่าย จะต้องสามารถอธิบายให้แนวร่วมและแนวหนุนของตัวเองเข้าใจสถานการณ์การเมืองช่วงนี้ และต้องระมัดระวังการยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทุกรูปแบบให้ได้
การคิดต่าง การจัดกิจกรรมประท้วง การแสดงออกซึ่งความเห็นต่าง การโจมตีอีกฝ่าย หรือคนไม่เห็นด้วยกับตน ทำได้ และควรจะทำ ...
แต่สิ่งที่ควรจะให้สังคมไทยได้เห็นคือ "การทำมันอย่างสร้างสรรค์ เคารพหลักการเสรีภาพ หลักสิทธิมนุษยชน และเคารพศักดิ์ศรีความเป็นคนของคนอื่นๆ ด้วย"
ดังที่ Evelyn Beatrice Hall (1868 – after 1939) ว่าไว้ "I disapprove of what you say, but I will defend to the death your right to say it"
"ข้าพเจ้าไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ท่านพูด แต่ข้าพเจ้าจะปกป้องสิทธิที่ท่านจะได้พูดด้วยชีวิตของข้าพเจ้า"
* * *
อำนาจของกองทัพไทย ขึ้นอยู่กับการได้รับนิรโทษกรรมจากการทำรัฐประหารในนามกษัตริย์
อำนาจอันชอบธรรมที่ประชาชนมี คือ บอกรัฐบาลให้ใช้อำนาจในนาม - ของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน
ถ้ารัฐบาลไม่ได้ตระหนักในความจริงว่า "อำนาจของรัฐบาลขึ้นอยู่กับพลังประชาชน"
และเปิดหรือใช้อำนาจของทหารและกษัตริย์มาร่วมกดหัวประชาชน
รัฐบาลนั้นไม่ใช่รัฐบาลของประชาชน!
* * *
10 พ.ย. 56
ใครอยู่กรุงเทพ หรือเมืองไทย
ช่วยไปเติม 1 หรือ 2 หรือ 10 จนเป็น 10,000 up
กันหน่อยนะฮะ
* * *
น้องๆ นักศึกษาประกาศคัดค้าน พรบ. นิรโทษกรรมฉบับสุดซอยแล้วนะฮะ
ไปช่วยให้กำลังใจและสนับสนุนเยาวชนนักศึกษากันหน่อยนะฮะ
* * *
ยามนี้นึกถึงคำพูดอันมีชื่อเสียงที่อ้างว่าพูดโดยอดีตประธานาธิบดี 3 สมัยของเม็กซิโก Porfirio Díaz ที่ว่า "Poor Mexico, so far from God and so close to the United States!" หรือแปลได้ว่า "เม็กซิโกช่างน่าสงสาร ที่อยู่ห่างจากพระเจ้าเกินไป และอยู่ใกล้อเมริกามากเหลือเกิน"
กูก็อยากจะพูดว่า "ประเทศไทยช่างน่าสงสาร ที่มีราชนิกูลเยอะเกินไป และมีนักการเมืองที่รักประชาชนน้อยเหลือเกิน"