22 เม.ย. 13

ได้เจอกันเสียทีกับ เดนนิส หรือ ดร.Dennis Arnold แห่งมหาวิทยาลัย Masstricht หนุ่มอเมริกันรูปหล่อเมื่อสิบปีที่แล้ว ที่มาร่วมเป็นทีมงานโครงการรณรงค์เพื่อแรงงานไทย และทำงานด้านการต่างประเทศให้กับพวกเรา

ตอนนี้กลายเป็นอาจารย์หนุ่มเนื้อหอมที่ฮอลแลนด์ไปแล้ว ดีใจที่ได้เจอกันเสียที


ได้กินทุเรียนแล้ว ไปเจอทุเรียนแช่แข็งที่เมือง Masstricht เมืองชายแดนฮอลแลนด์-เยอรมัน-เบลเยี่ยม ดูตาก็รู้ว่าปลื้มแค่ไหน ฮา

My first fresh durian in three years, though it's a frozen but it's nice enough. You can see how my eyes are so sparking to have of being happy to have it. 5555

ถีบจักรยานที่ไหนก็ไม่สู้ที่ฮอลแลนด์ เลนจักรยานใหญ่และชัดเจนมาก รู้สึกปลอดภัย และสนุกที่ถีบจักรยานไปไหนมาไหนที่นี่

วันนี้เมื่อเช้าเดนนิส พาถีบจักรยานไปกินกาแฟที่ฝั่งเบลเยี่ยม เลยขอโอกาสถ่ายรูปตรงป้ายเขตแดนระหว่างประเทศฮอลแลนด์และประเทศเบลเยี่ยมหน่อยฮะ

ที่ป้ายเขตแดนนี้ไม่มีธงชาติ ไม่มีลวดหนาม ไม่มีทหารหลายกองร้อย ไม่มีด่านตรวจคนเข้าเมือง ไม่มีแม้แต่ชื่อประเทศ มีเพียงแค่ชื่อเมืองของเบลเยี่ยมปักให้เห็นเพียงแค่นี้ล่ะ

คนก็ผ่านไปผ่านมากันสบายๆ อย่างที่เห็นในภาพนี่ล่ะฮะ



ที่ฟินแลนด์หิมะยังไม่ละลายหมดเลย ทีฮอลแลนด์และเบลเยี่ยมดอกไม้เริ่มออกดอกแล้ว ทั้งดอกหญ้า ไม่พุ่ม หรือดอกไม้ยืนต้นแสนสวยเหล่านี้

The snow is not fulling melted yet in Finland. Here, to cheer you up with herry plum flowers from Belgium ka.



One of the most beautiful bookshops in the world. I can be in this bookshop the whole day. Unfortunately there are not many books in English.

ร้านหนังสือที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดหนึ่งในสิบของโลกซ่อนตัวอยู่ในเมืองมหาวิทยาลัยเล็กๆ ที่ Masstricht นี่เอง

เมืองนี้เป็นเมืองการท่องเที่ยวของฮอลแลนด์ เพราะตึกเก่า โบสถ์เก่ายังมีสภาพดีอยู่จำนวนมาก และโบสถ์เก่าหลายแห่งถูกตกแต่งใหม่เป็นโรงแรม ร้านอาหาร หรือร้านหนังสือเช่นที่เห็นนี่ล่ะ



ถ้าไม่ได้กลับไทยง่ายๆ กูเขียนหนังสือแนะนำการท่องเที่ยวแบบ ท่องโลก 40 ประเทศตามอัธยาศัย พร้อมคำแนะนำเรื่องการเดินทางท่าจะดี แฮะ

ที่ Maastricht พักที่อพาร์ทเม้นที่บ้านหลังนี้นี่ล่ะ อายุ 402 ปี สร้างปีเดียวกับปีขึ้นครองราชย์ของพระเจ้าทรงธรรมพอดี ... ทั้งขลังและทั้งคลาสสิกไปพร้อมกันเลยทีเดียว