10 พ.ค. 13 (2)

ถ้ารัฐบาลกล้าหาญพอจะยุบโรงเรียนขนาดเล็ก 17,000 โรง (ประมาณ 60% ของโรงเรียนขนาดเล็กทั้งหมด)

รัฐบาลก็ควรจะกล้าหาญพอที่จะปฏิรูปการศึกษาไทยทั้งระบบ (กันเสียที)

โดยเฉพาะด้าน

วิพากษ์และวิเคราะห์จิตวิทยาการเรียนการสอนที่ส่งผลต่อการด้อยคุณภาพของการศึกษาไทย

ทำการสังคยนา หนังสือแบบเรียนการศึกษาทุกระดับครั้งใหญ่

พัฒนาคุณภาพบุคคลากรและอุปกรณ์ทางการศึกษาทุกระดับ โดยเฉพาะระดับภาคบังคับ

เปิดให้มีการส่วนร่วมของชุมชนในการจัดการการศึกษา หรือเข้ามีส่วนร่วมในการศึกษา

เปิดให้ชุมชนได้ร่วมตัดสินใจในการใช้พื้นที่อาหารและอุปกรณ์ของโรงเรียนที่จะถูกทิ้งร้าง

ที่สำคัญ คือ การปฎิรูปและผ่อนปรนเรื่องระเบียบวินัยและ ยกเลิกระบบอาวุโสในทุกระดับของการศึกษา

สร้างจิตวิทยาการศึกษาใหม่ของชาติ ที่มุ่งส่งเสริมให้ครูใช้เสรีภาพทางการสอนอย่างเต็มที่โดยไม่ถูกกำกับด้วยจิตวิทยาแห่งยุคสงครามเย็ "ชาติ ศาส์น กษัตริย" กันเช่นนี้

การศึกษาที่มุ่งหวังอนาคตของชาติที่มีคุณภาพ ต้องพุ่งเป้าไปที่การเปิดพื้นที่ และส่งเสริมให้เด็กและนักเรียนได้ใช้เสรีภาพในการเรียนในการใช้สมองโดยไม่ถูกจำกัด ปิดกั้น หรือถูกควบคุม

และหยุดวุ่นวายกับแต่เรื่องวินัย ที่ปฏิบัติกับนักเรียนทุกระดับราวกับพวกเขาเป็น "เด็ก 3 ขวบ" กันอยู่ตลอดเวลา ไม่เคยโต

ที่สำคัญยกเลิกเรื่องเครื่องแบบและกฎระเบียบเรื่อง "เสื้อผ้า หน้า ผม" ของนักศึกษาในทุกระดับชั้นไปด้วยเลยในคราวเดียวกัน

คร่าวๆ แค่นี้ก่อนนะฮะ

* * *

ต้องดูบริบทองค์ประกอบหลายอย่างในการยุบและการใช้โรงเรียน

โดยเฉพาะต้องยกเลิกระบบการศึกษาที่กำกับและสั่งการจากส่วนกลางตามวิถี "บนลงล่าง"

แฃะต้องปรับการศึกษาเป็นแนวระนาบ

ที่ยอมรับการมีส่วนร่วมของสังคมและเด็กในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาที่ตอบสนองต่อสภาพภูมิศาสตร์การเมืองของแต่ละพื้นที่ด้วย
* * *

ชวนดูสถิตินี้กันฮะ แล้วไปดูโพสต์ก่อนหน้านี้
ตารางผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาของไทย

มันโทษเด็กกันอย่างเดียวไม่ได้
ต้องปฏิรูปการศึกษาทั้งระบบ โดยเฉพาะจิตวิทยาด้านการศึกษาของไทย