8 พ.ค. 13

ขอระลึกถึงอากงด้วยข้อเขียนเมื่อปีที่แล้ว

แม้มีอะไรมากมายที่อยากเขียนถึงอากง ป้าอุ๊ และลูกหลาน
แต่ความไร้วินัย และไร้สมาธิในช่วงนี้ ก็ทำให้การเขียนอะไรออกมาเป็นเรื่องยากเย็น

โมโหตัวเอง

ระลึกถึงอากงและผู้เสียชีวิตมากมายเพื่อรักษาการเมืองมากชนชั้นในประเทศไทย



อาลัยอากง จากมุมหนึ่งของฟินแลนด์

ในฐานะของคนหนึ่งและองค์กรหนึ่งที่รณรงค์เรื่องยกเลิกกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ (มาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญา) เรารู้ดียิ่งว่าจำเป็นและต้องทำกิจกรรมเพื่อร่วมสมานฉันท์กับพี่น้องในประเทศไทย และเพื่อร่วมแสดงความเสียใจไปยังครอบครัวของอากง และก็ควรจะทำโดยเร็วที่สุด

จึงได้คิดเตรียมว่าจะทำอะไรได้บ้าง ในสภาพที่เข้าเมืองไม่ง่ายนักในยามค่ำคืน ตัดสินใจว่า ในวันนี้คงเตรียมการเชิญชวนคนอื่นไม่ทัน ขอทำตามลำพังที่บริเวณที่อยู่อาศัยก่อนแล้วกัน

ไปค้นรูปอากงตาเวบเพื่อจะปรินส์ออกมาใช้ประกอบในพิธี ปรากฎว่าหมึกเครื่องปรินส์หมด

ท่านศิลปินเจ้าบ้านบอก "ไม่เป็นไรเลือกรูปอากงที่ดูดีและชัดที่สุดมา เดี๋ยวจะวาดให้" ช่างดีใจหาย

ในระหว่างรอภาพวาด ซึ่งจริงๆ คิดว่าจะเป็นเพียงลายเส้นและใช้เวลาแปล๊บเดียวก็เสร็จ แต่คุณศิลปินเธอกลับใส่ใจในการวาดมาก บอกว่าอากงนี่หน้าตาดีนะ พร้อมบอกว่าจะขอมอบภาพนี้ให้กับป้าอุ๊และครอบครัวอากงด้วย

ระหว่างรอ จรรยาก็เขียนคำ "อาลัย อากง เหยื่อ ม. 112" และเตรียมอุปกรณ์ แต่รอแล้วรอเล่าภาพวาดก็ไม่เสร็จ จนงีบหลับไป

ตื่นมาตอนตีสองภาพวาดของอากง (ที่ศิลปินบอกว่ายังไม่เสร็จดี) วางอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ มันเป็นภาพอากงที่งดงามและน่าสะเทือนใจยิ่งนัก

จรรยาน้ำตาซึม บอกว่ายังไงๆ คืนนี้ก็ต้องทำพิธีอาลัยอากง ซึ่งวางแผนไว้คร่าวๆ ว่าจะทำที่ใต้ต้นโอ๊คเก่าแก่มีอายุกว่า 250 ปี ที่อยู่ในสวนสาธารณะข้างบ้าน

พระจันทร์ดวงโตช่างเป็นใจ พ้นขอบฟ้ามาร่วมเป็นสักขีพยาน เสียงนกร้องแทรกเข้ามาบางช่วง ผสานเสียงลมทะเลยามดึก

เราจุดเทียนรอบต้นโอ๊คอายุ 250 ปี ที่เก่าแก่พอๆ กับกรุงรัตนโกสินทร์ มันผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านสงครามมามากมาย ทั้งสงครามแย่งชิงดินแดน และสงครามลัทธิการเมืองในประเทศ

ในสภาพที่ถูกตัดกิ้งหลายจุดและครึ่งหนึ่งของต้นไม้ถูกตัดทิ้ง โอ็คต้นนี้ช่างดูบิดเบี้ยวและโศกสลด แต่กระนั้นก็สู้ชีวิตและยืนหยัด เพื่อประกาศถึงพลังอันแข็งแกร่งของธรรมชาติ ที่มนุษย์จำต้องยอมแพ้และขอขมา

มันเป็นพิธีอาลัยใต้ต้นไม้ ที่เทียนวางกระจายอยู่บนหญ้าและตามซอกมุมที่สามารถวางได้ . . มีเพียงแสงเทียนที่ให้แสงสว่าง

จรรยานั่งหน้าภาพอากงและป้ายทั้งสอง ไม่กล้ามองหน้าอากงตลอดเวลาเพราะกลั้นนำ้ตาที่รื้อขึ้นขอบตาและความเจ็บปวดรวดร้าวในหัวอกไม่ไหว . .

พร่ำบอกกับต้นโอ็คว่า เมื่อท่านผ่านร้อนผ่านหนาวและเห็นความเจ็บปวดสูญเสียมามากมายเพราะสงครามและการต่อสู้ระหว่างมนุษย์ โปรดช่วยเตือนใจผู้มีอำนาจในเมืองไทยให้ตระหนักในความโหดร้ายของมันด้วยเถิด

ขอเป็นกำลังใจให้ป้าอุ๊และครอบครัวสู้ชีวิตต่อด้วยความเข้มแข็ง ประดุจโอ็คต้นนี้ที่ยืนหยัดท้ากาลเวลา

ขออากงจงสู่สุขคติ และขอรับปากว่าจะสู้จนถึงที่สุด เพื่อเสรีภาพและความยุติธรรมในประเทศไทย

จรรยา ยิ้มประเสริฐ
ACT4DEM
9 พ.ค. 2555